jOBS สตีฟ จ๊อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก
https://outdoclub.blogspot.com/2013/09/jobs.html
"ถ้าคุณต้องการมีชีวิตในแนวทางที่สร้างสรรค์ที่สุด คุณก็ต้องพยายามไม่หันกลับไปมองข้างหลัง คุณต้องกล้าที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองเคยทำ หรือใครก็ตามที่ตัวเองเคยเป็น โยนมันทิ้งเพื่อก้าวไปข้างหน้า" - สตีฟ จ็อบส์
jOBS สตีฟ จ๊อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก
สร้างจากเรื่องจริงที่ทรงพลังและน่าทึ่งขอ งผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องการเปลี่ยนโลก... และสุดท้ายก็ทำจนสำเร็จ jOBS เล่าถึงช่วงเวลาระหว่างปี 1970 จนถึง 2000 ที่สร้างผลกระทบและหล่อหลอมให้ สตีฟ จ็อบส์ กลายเป็นไอค่อนแห่งวงการไอทีอย่างที่ทุกคน รู้จัก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในโรงรถ พาโล อัลโต ที่กลายเป็นบริษัท Apple Inc ร่วมเดินทางไปกับ สตีฟ จ็อบส์ (แอชตัน คุชเชอร์) สัมผัสกับแรงบันดาลใจ การค้นพบตัวตน จุดต่ำสุดของชีวิต ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ และความพยายามอย่างไม่ลดละในการเปลี่ยนโลก ที่ทุกคนเคยรู้จัก
ก่อนจะไปชมภาพยนตร์ JOBS (สตีฟ จ๊อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก) หลายๆ ท่านรู้สึกกังขาว่าตกลงหนังจะออกมาดีหรือไม่ แต่หลังจากได้ชมแล้ว เราก็พบว่าหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง เราคงต้องเป็นคนตัดสินด้วยตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราคาดหวังอะไรจากภาพยนตร์
ความคาดหวัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวขึ้นพร้อมกับความคาดหวังจากผู้ชมทั่วโลกที่จะได้เห็นสตีฟ จ๊อบส์ มีชีวิตโลดแล่นในจอภาพยนตร์ และคาดหวังภาพยนตร์ที่มีบทแน่น การดำเนินเรื่องที่เหนือชั้น ความสมบูรณ์แบบและความสนุกแบบฮอลลีวู๊ด แต่ต้องทำความเข้าใจไว้ก่อนเลยว่า JOBS เป็นหนังอินดี้ที่เกิดจากการรวมตัวกันของแฟนๆ ที่อยากทำหนังออกมา เรียกว่าเป็นหนังของสาวกสตีฟ จ๊อบส์ ที่ค่อนข้างทำมาเพื่อเอาใจสาวกเป็นส่วนใหญ่
จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นคำวิจารณ์มากมายจากทั้งในต่างประเทศและในประเทศที่รู้สึกว่าบทหนัง “อ่อน” เกินไป เหมือนหยิบเอาเรื่องราวส่วนที่เด่นๆ ของชีวิตของสตีฟ จ๊อบส์ บนแกนชีวิตที่ชื่อว่าแอปเปิลมาฉายให้ดูเป็นฉากๆ และส่งผลให้ตัวหนังมีความไม่สุดสักทาง จะเป็นเรื่องราวของตัวจ๊อบส์ก็ไม่ใช่ จะเป็นเรื่องราวของแอปเปิลก็ไม่สุด
อย่างไรก็ตาม เหล่าสาวกทั่วโลก รวมทั้งผมในฐานะที่ติดตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับจ๊อบส์ การได้ดูหนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสื่อที่นำเรื่องของจ๊อบส์มาแสดงให้ได้หายคิดถึง และทำให้เราได้เห็นเหตุการณ์สำคัญโดยเฉพาะช่วงโปรเจคMacintosh ให้ได้สัมผัสเนื้อหนัง ก็ต้องยอมรับอีกว่า แม้หลายส่วนของหนังทำได้ไม่ดีอย่างที่คิด แต่ก็มีหลายส่วนที่ดูแล้วรู้สึกถึงความตั้งใจของทีมงานและทำออกมาได้ดี
บทภาพยนตร์
สิ่งที่ถูกวิจารณ์โดยนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ว่าล้มเหลวคือตัวบทภาพยนตร์ การเล่าเรื่องที่เนิบช้า หยิบเอาเรื่องราวมาเรียงกัน และไม่ได้ลงลึกไปถึงสาเหตุและอารมณ์ของการกระทำต่างๆ ซึ่งเราก็เห็นด้วย อีกทั้งยังไม่สุดทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจ๊อบส์เอง หรือว่าเรื่องของแอปเปิลเองก็ตาม หลายฉากพยายามเลียนแบบภาพที่อ้างอิงได้ ซึ่งเราได้เห็นกันในหนังสือและสื่อต่างๆ ซึ่งตอนที่เห็นก็ทำให้ใจเต้นแรงขึ้นได้ แต่การร้อยเรียงเรื่องราวมาสู่ฉากต่างๆ ยังทำได้เพียงผิวเผิน
ฉากที่ทำได้เหมือนกับภาพจากหนังสือประวัติ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน มาก |
และนั่นคือสิ่งที่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่คิด แต่ส่วนที่คิดว่าทีมเขียนบท want มากๆ และตั้งใจจะทำลงไปในบทพูด คือการมีประโยคเด็ดๆ ของแต่ละบุคคลมาพูดถึงในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นประโยคเด็ดที่จ๊อบส์พูดกับสคัลลี ตอนที่จ๊อบส์อ่านบท Think Different หรือประโยคเด็ดของกิล เอมิลิโอ ส่วนตัวดูแล้วก็สะใจที่ได้เห็นฝันเป็นจริง และคิดว่าทีมงานก็ต้องการความสะใจตรงนี้เช่นกัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำขึ้นโดยแฟนๆ สตีฟ จ๊อบส์ ไม่ใช่สตูดิโอใหญ่
นักแสดงทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะคุทเชอร์ ส่วนบทภาพยนตร์ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง
รายละเอียดของฉากต่างๆ ทำออกมาได้ดี ทีมงานได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้มาก
จากการสอบถามผู้ชมจำนวนหนึ่งที่ไม่ใช่สาวก ก็ดูรู้เรื่อง
แต่ถ้าคุณเป็นสาวก… จะต้องมีหลายฉากในภาพยนตร์ให้ได้ยิ้มออกแน่นอน
Because the people who are crazy enough to think they can change the world, are the ones who do.