Apple Events - Special Event September 2013
ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ งานเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) และ iPhone 5C (ไอโฟน 5C) ซึ่งจัดขึ้นช่วงค่ำคืนของวันที่ 10 กันยาย...
https://outdoclub.blogspot.com/2013/09/apple-events-special-event-september.html
ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ งานเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) และ iPhone 5C (ไอโฟน 5C) ซึ่งจัดขึ้นช่วงค่ำคืนของวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย ณ หอประชุม 4 Infinite Loop ที่สำนักงานใหญ่ของ Apple ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยงานนี้ที่เรียกได้ว่า มีทั้ง เกินคาด และ ผิดหวัง ในคราวเดียวกัน
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟน ๆ แอปเปิลทั่วโลก หลังจากรอคอยและติดตามทั้งภาพหลุด ข่าวลือต่าง ๆ เกี่ยวกับ iPhone รุ่นใหม่กันมานานหลายเดือน ล่าสุด แอปเปิลประกาศเปิดตัว iPhone 5S (ไอโฟน 5S) และ iPhone 5C (ไอโฟน 5C) รุ่นราคาถูก อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 กันยายน เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิล คูเปอร์ติโน เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
งานนี้เรียกได้ว่าทำเอาแฟน ๆ ตะลึงไปตาม ๆ กันเพราะข้อมูลทั้งหมดที่ถูกเปิดเผยในงานเปิดตัวเกือบทั้งหมดตรงตามข่าวลือและภาพหลุดต่าง ๆ ทุกประการ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี แต่อย่างน้อยคนที่รอคอย iPhone รุ่นใหม่ ก็ได้สมหวังกันเสียที เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันว่า iPhone 5S และ iPhone 5C จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
บรรยากาศในหอประชุมก่อนงานเริ่มเพียงไม่กี่นาที เต็มไปด้วยบรรดาสื่อมวลชนจากหลากหลายประเทศ ที่ได้รับเชิญให้ร่วมงานในครั้งนี้
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้เดินขึ้นมาบนเวที เพื่อกล่าวเปิดงาน โดยเริ่มงานด้วยเรื่องของ iTunes Festival ที่ได้จัดการแสดงทั้งหมด 30 คืน ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งมีศิลปินชื่อดังมากมายเข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น Elton John, Justin Timberlake, Lady Gaga และศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย โดยความพิเศษของ iTunes Festival ก็คือ ไม่ต้องหาซื้อบัตร แต่สามารถเข้าชมแบบ live stream ได้ ผ่านทาง iDevice อย่าง iPhone, iPad หรือ Mac ซึ่งแสดงสดกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดถึง ความเปลี่ยนแปลงของ Apple Store สาขา Stanford ในแคลิฟอร์เนีย ที่รองรับลูกค้ากว่า 2,000 คนต่อวัน จากเดิมที่เป็นแค่ตึกแถวห้องเดียว กลายเป็นร้านกระจกสวยหรูอย่างที่เห็น
Craig Federighi ขึ้นมาพรีเซนต์เรื่อง iOS 7 ครับ โดยได้กล่าวถึงภาพรวมของ iOS 7 ซึ่งสรุปจากงาน WWDC 2013 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้า lock screen แบบ harmonious layout, Control center และ Notification center
ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น กับการเปิดฟังก์ชั่นการค้นหา ที่สามารถเข้าใช้งานได้จากหน้าใดก็ได้บน iPhone เพียงแค่ ลากลงมา แล้วเริ่มการค้นหาได้เลยทันที
หน้า Multitasking ออกแบบใหม่ มีการพรีวิว แอพพลิเคชั่น ให้ดูด้วยเช่นกัน ซึ่งการปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการ ให้ลากขึ้นไปด้านบน แทนการคลิ๊กไอคอนค้างแล้วปิด
เพิ่มเสียงริงโทนใหม่ครับ ซึ่งตัวอย่างริงโทนที่นำมา รีวิวในงาน ก็คือ Pick up shampoo and conditioner
iOS 7 เปลี่ยนอินเทอร์เฟสการใช้งานแอพฯ กล้องใหม่ เป็นการเลื่อนจากซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย สามารถปรับแต่งรูปด้วยฟิลเตอร์ได้ในตัว นอกจากนี้ ในส่วนของ gallery ยังได้เปลี่ยนอินเทอร์เฟสใหม่ด้วยเช่นกัน
AirDrop ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน iOS 7 สามารถแชร์ภาพ ให้กับเพื่อนที่อยู่รอบข้างได้
โดย iOS 7 จะเปิดให้ดาวน์โหลดพร้อมกัน ในวันที่ 18 กันยายนนี้ รองรับบน iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S, iPad 2, iPad 3, iPad 4, iPad mini และ iPod touch gen 5
และข่าวดีสำหรับ ผู้ใช้งาน iOS ครับ สามารถดาวน์โหลดแอพฯ Keynote, Pages, Numbers, iMovie และ iPhoto ไปใช้งานได้ฟรี ไม่ต้องเสียเงินซื้ออีกต่อไป
Phil Schiller รับหน้าที่ เปิดตัว ดาวเด่นของงาน นั่นก็คือ iPhone 5C (ไอโฟน 5C)
โดย iPhone 5C มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว, สีขาว, สีฟ้า, สีชมพู และสีเหลือง
โดยภาพรวมของ iPhone 5C นั้น เหมือนกับ iPhone 5 ครับ นั่นก็คือ มาพร้อมหน้าจอขนาด 4 นิ้ว, ชิปเซ็ต Apple A6, กล้องด้านหลัง
ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รองรับการใช้งาน FaceTime, รองรับ Bluetooth 4.0, รองรับ LTE ส่วนวัสดุตัวเครื่อง เปลี่ยนจาก อะลูมิเนียม มาเป็น โพลีคาร์บอเนต
โดย iPhone 5C มีให้เลือก 2 ขนาดความจุ นั่นก็คือ 16 GB และ 32 GB สำหรับ ราคา iphone 5c แบบติดสัญญา 2 ปี (เครื่องจดทะเบียน) อยู่ที่ $99 สำหรับความจุ 16 GB และ $199 สำหรับความจุ 32 GB
นอกจากนี้ ยังมี เคส iphone 5c (ไอโฟน 5c) ด้วยครับ มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีขาว, สีชมพู, สีเหลือง, สีฟ้า, สีเขียว และ สีดำ ราคาอยู่ที่ $29 หรือประมาณ 900 บาท
ต่อไป เป็นสมาร์ทโฟนเรือธง กับ iPhone 5s (ไอโฟน 5S) กันบ้าง
โดย iPhone 5s มีให้เลือก 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Space Gray, Gold และ Silver ซึ่งในที่สุด ก็มี iphone 5s สีทอง ตามข่าวลือตามคาดครับ
โดย iPhone 5S ใช้ชิป Apple A7 ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบ 64-bit และถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้สถาปัตยกรรมตัวนี้ครับ ซึ่งสามารถรันแอพฯ แบบ 32-bit และ 64-bit ได้
ในส่วนของประสิทธิภาพในการประมวลผลของ CPU เร็วกว่า iPhone รุ่นแรกถึง 40 เท่า และในส่วนของการประมวลผลแบบกราฟฟิค หรือ GPU เร็วกว่า iPhone รุ่นแรก 56 เท่า
นอกจากนี้ ยังรองรับ OpenGL ES เวอร์ชั่น 3.0 เหมือน new Nexus 7 (Nexus 7 2) อีกด้วย
นอกจากชิป Apple A7 แล้ว ยังมี ชิป M7 ที่ได้ชื่อว่า เป็น Motion co-processor โดยชิปตัวนี้ จะเป็นตัววัดการเคลื่อนไหวของ iPhone
โดยผ่านเซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyroscope และ Compass ซึ่งรองรับแอพฯ ที่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ และการออกกำลังกายอีกด้วย
iPhone 5S รองรับการใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง (3G talk time) และเปิดเครื่อง standby ได้นาน 250 ชั่วโมง
มาดูกันที่ กล้อง iPhone 5S กันบ้าง โดยกล้องด้านหลัง มีความละเอียดที่ 8 ล้านพิกเซล เท่าเดิม แต่ได้ปรับปรุงฟีเจอร์บางอย่างใหม่ นั่นก็คือ รูรับแสงกว้างขึ้นที่ F/2.2 หน่วยพิกเซล ละเอียดขึ้น อยู่ที่ 1.5 ไมครอน นั่นหมายความว่า ถึงแม้ ความละเอียดของกล้องจะเท่าเดิม แต่หน่วยพิกเซลละเอียดขึ้น ทำให้ได้ภาพที่คมชัดขึ้นเช่นกัน
ส่วนไฟแฟลชนั้น เป็นแบบ True tone flash ครับ ซึ่งเป็นไฟแฟลช 2 สี นั่นก็คือ สีขาว และสีเหลืองนวล ทำให้ภาพที่ถ่ายด้วยการใช้แฟลช ได้โทนสีที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ไม่สว่าง หรือหน้าวอกเกินไป นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบกันภาพสั่นอีกด้วย
iPhone 5s รองรับ Burst mode หรือโหมดการถ่ายภาพรัว ซึ่งสามารถถ่ายได้ 10 ภาพ ใน 1 วินาที
นอกจากนี้ ในส่วนของการวิดีโอ เพิ่มฟีเจอร์ Slo-Mo ถ่ายคลิปแบบ slow motion ที่อัตรา 120fps ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถซูมภาพขณะถ่ายคลิปได้ 3 เท่า
ต่อมาเป็น Touch ID หรือ เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นบน iPhone 5S นั่นเอง โดยตัวเซ็นเซอร์นั้น มีความบางเพียง 170 ไมครอน ความละเอียดอยู่ที่ 500 ppi อ่านค่าได้ 360 องศา ฉะนั้น ต่อให้ลายนิ้วมือบางแค่ไหน ก็สามารถจับค่าได้ครับ
และเนื่องจาก Touch ID ฝังอยู่ใต้ปุ่ม Home ทำให้ปุ่ม Home ได้รับการออกแบบใหม่ โดยชั้นนอกสุด ทำมาจาก sapphire crystal ซึ่งป้องกันการเกิดรอย และเพิ่มความแข็งแรงทนทาน ตามมาด้วย วงแหวนที่ทำมาจาก stainless steel ล้อมรอบปุ่ม Home ในด้านนอก ถัดมาเป็น Touch ID sensor และ Tactile switch
ส่วนการใช้งาน Touch ID ก็คือ วางนิ้วทาบลงไปที่ปุ่ม Home แล้วให้ระบบสแกนว่า เป็นเจ้าของเครื่องตัวจริงหรือไม่ ซึ่งถือว่า เป็นระบบความปลอดภัยที่ดีกว่าการใช้ passcode ป้องกันการแฮค และลอกเลียนแบบได้ยาก
โดย iPhone 5S มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ ได้แก่ 16GB, 32GB และ 64GB ราคาอยู่ที่ $199, $299 และ $399 ตามลำดับ ซึ่งเป็นราคาแบบติดสัญญา 2 ปี (จดทะเบียน)
สรุปไลน์ผลิตภัณฑ์ iPhone ตอนนี้ มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันครับ นั่นก็คือ iPhone 5S, iPhone 5C และ iPhone 5S ส่วน iPhone 5 ถูกตัดออกจากไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อย
iPhone 5C เปิดพรีออเดอร์ วันที่ 13 กันยายนนี้
และทั้ง iPhone 5S กับ iPhone 5C จะวางจำหน่ายวันแรก วันที่ 20 กันยายนนี้ ใน 9 ประเทศ ซึ่งได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งจะเปิดจำหน่ายในอีก 100 ประเทศทั่วโลก ในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากจะเป็นครั้งแรก ที่เลือกเปิดจำหน่ายที่จีนแล้ว ยังเป็นครั้งแรกของเครือข่าย NTT DoCoMo ในญี่ปุ่น ที่นำ iPhone เข้ามาจำหน่ายอีกด้วย
โดยงานเปิดตัว iPhone 5S และ iPhone 5C ใช้เวลาดำเนินงานประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่ง Tim Cook ได้ขึ้นมากล่าวปิดงานอีกครั้ง ก่อนปิดฉากลงด้วยการแสดงจาก Elvis Costello
iPhone 5S สีสันใหม่ สเปคแรงกว่าเดิม พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ
สำหรับสาวกแอปเปิลคนไหนที่กำลังโหยหานวัตกรรมใหม่ ๆ จากแอปเปิล ดูเหมือนครั้งนี้จะถูกตอบสนองดั่งใจแล้ว เมื่อแอปเปิลเปิดตัว iPhone 5S ที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องเหมือนกับ iPhone 5 แต่เพิ่มสีสันใหม่อีก 2 สี ได้แก่ สีเงินและสีทอง ที่ช่วยเพิ่มความหรูหรามากขึ้น ส่วนสีดำยังมีเหมือนเดิม ด้านสเปคของ iPhone 5S เรียกได้ว่าจัดมาแบบเต็ม ๆ ใช้ชิป Apple A7 (28nm) ที่เป็นระบบ 64-bit ตัวแรกของโลก ที่มีความเร็วกว่า iPhone ทุกรุ่นถึง 40 เท่า ด้านระบบกราฟิกเร็วขึ้นมากถึง 56 เท่า, แรม 1GB พร้อมแฟลชคู่ Dual LED รวมถึงกล้องที่ปรับปรุงใหม่เพิ่มลูกเล่นอีกมากมาย และไฮไลท์เด็ดของ iPhone 5S ก็คือระบบสแกนลายนิ้วมือที่แอปเปิลเรียกว่า "Touch ID Sensor" ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่องและซื้อแอพพลิเคชั่น, เพลง, หนัง ผ่าน App Store และ iTunes Store ได้
สเปคเบื้องต้นของ iPhone 5S
- ระบบปฏิบัติการ iOS 7
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326ppi)
- ซีพียู Apple A7 รองรับการประมวลผลแบบ 64-bit
- ชิปประมวล Apple M7 motion ที่รวมเซนเซอร์ต่าง ๆ มาไว้ในตัวเดียวกันทั้ง accelerometer, gyroscope และเข็มทิศ
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ ใช้สำหรับปลดล็อกเครื่อง, ซื้อแอพฯ ต่าง ๆ
- รองรับ OpenGL|ES 3.0
- กล้องด้านหลัง iSight ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่กว่าเดิม แต่ความละเอียด 8 เมกะพิกเซลเท่าเดิม ชุดเลนส์ใหม่ที่แอปเปิลออกแบบเอง 5 ชิ้น รูรับแสงกว้างสุด f/2.2 และใช้แฟลช LED คู่แบบแสงเย็นและแสงอุ่น ช่วยให้การถ่ายรูปเมื่อเปิดแฟลชภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และถ่ายภาพกลางคืนได้ดีขึ้น
- กล้องด้านหน้า 1.2 เมกะพิกเซล รูรับแสง f/2.4
- รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion 120 เฟรมต่อวินาที ความละเอียด 720p
- ถ่ายภาพรัว 10 ภาพต่อวินาที และสามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดได้
- ถ่ายภาพพาโนรามาความละเอียด 28 เมกะพิกเซล
- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม 10% รองรับ Standby ได้ 250 ชั่วโมง (เดิม 225 ชั่วโมง) ใช้งานผ่าน 3G/LTE ได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
iPhone 5C รุ่นราคาถูก สีสันสดใส
จากข่าวลือและภาพหลุดตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเกี่ยวกับ iPhone รุ่นราคาถูก ดูเหมือนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสาวกแอปเปิลจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งทางแอปเปิลเองก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าจะไม่ทำ iPhone รุ่นราคาถูก แต่สุดท้ายแล้ว แอปเปิลก็กลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยการเปิดตัวiPhone 5C รุ่นราคาถูกตามคาด โดยตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตเคลือบหนาทั้งชิ้น ไร้รอยต่อ มาพร้อม 5 สีสันสดใส ได้แก่ สีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู และสีเหลือง มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมเคสยางซิลิโคนหลากหลายสีที่ให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อมาแต่งให้เข้ากับสีตัวเครื่องได้ตามสไตล์ ส่วนด้านสเปคเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก iPhone 5 กันเลยทีเดียว หรือจะพูดง่าย ๆ ว่า iPhone 5C นั้นถูกผลิตขึ้นมาเพื่อแทนที่ iPhone 5 นั่นเอง
สเปคเบื้องต้นของ iPhone 5C
- ระบบปฏิบัติการ iOS 7
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326ppi)
- ซีพียู Apple A6 ดูอัลคอร์
- กล้องด้านหลัง iSight ความละเอียด 8 เมกะพิกเซล พร้อมแฟลช LED
- กล้องด้านหน้า FaceTime HD
- FaceTime Audio ใช้สำหรับคุย FaceTime เฉพาะเสียง
- รองรับ LTE, Wi-Fi Dual Band และ Bluetooth 4.0 LE
- ขนาดตัวเครื่องหนา 8.97 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 132 กรัม
- ประหยัดพลังงานขึ้นกว่าเดิม
- แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม
สำหรับ iPhone 5C เปิดให้สั่งจองผ่าน Apple Store Online วันที่ 13 กันยายนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอีก 9 ประเทศในวันที่ 20 กันยายน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, และสหราชอาณาจักร
และอีก 100 ประเทศในเดือนธันวาคมนี้
แอปเปิลได้ปรับลดราคา iPhone 4S ลงเหลือ 14,900 บาท มีให้เลือกรุ่นเดียวคือ 8GB ใครที่สนใจสามารถซื้อได้ผ่านทาง Apple Store Online ประเทศไทย ส่วนทางด้าน iPhone 5 คาดว่าเลิกขายอย่างเป็นทางการ เพราะข้อมูลได้หายไปจากหน้าเว็บของแอปเปิลแล้ว สำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 7 เวอร์ชั่นเต็ม จะปล่อยให้อัพเดทวันที่ 18 กันยายนนี้
Source : apple.com