gmgolf2

ทีมชาติที่เข้ารอบฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 32 ทีม

ทีมชาติที่เข้ารอบฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 32 ทีม

FIFA World Cup Brazil 2014 Final 32 Teams ทีมชาติที่เข้ารอบฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 32 ทีม ที่ประเทศบราซิล



FIFA WORLD CUP BRAZIL 2014 FINAL 32 TEAMS ทีมชาติที่เข้ารอบฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 32 ทีม ที่ประเทศบราซิล


     มหกรรมฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ คือ ฟุตบอลโลก ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 20 โดยในปี 2014 นี้ รอบสุดท้าย ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพ ท่ามกลางเสียงด่าบ่นแถมมีการประท้วงของคนบราซิลเอง จากเรื่องปัญหาทางเศรษฐกิจในประเทศ แต่สุดท้ายก็ได้จัดการแข่งขันจนได้ แถมตอนนี้ได้ทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายครบทั้ง 32 ทีมเรียบร้อยแล้ว 

ทีมที่เข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย เรียงตามลำดับที่ผ่านเข้ารอบ

     บราซิล, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, อิหร่าน, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, อิตาลี, สหรัฐอเมริกา, คอสตาริกา, อาร์เจนตินา, เบลเยียม, สวิตเซอร์แลนด์, เยอรมนี, โคลอมเบีย, รัสเซีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, อังกฤษ, สเปน, ชิลี, เอกวาดอร์, ฮอนดูรัส, ไนจีเรีย, โกตดิวัวร์(ไอวอรี่ โคสต์), แคเมอรูน, กานา, แอลจีเรีย, กรีซ, โครเอเชีย, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เม็กซิโก, อุรุกวัย

     ทีมชาติที่เข้ารอบเป็นทีมแรกต่อจากเจ้าภาพบราซิล ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ยุ่น ญี่ปุ่นตัวแทนจากเอเชียเรานี่เอง ส่วนทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย คือทีมชาติ อุรุกวัย ที่เอาชนะจอร์แดนในการเล่นเพลย์ออฟ โดยในฟุตบอลโลกครั้ง 20 นี้ มีทีมเดียวที่ผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก คือทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ส่วนทีมชาติอื่นๆเป็นหน้าเก่าๆทั้งนั้น เข้ารอบกันมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งรวมครั้งนี้ด้วย ส่วนบราซิล ยังคงเป็นทีมเดียวที่ได้เล่นบอลโลกรอบสุดท้ายทุกครั้ง รองลงมาก็ อิตาลี กับ เยอรมนี ที่เข้ามาทีมละ 18 ครั้ง

FIFA World Cup Brazil 2014 Final 32 Teams ทีมชาติที่เข้ารอบฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย 32 ทีม ที่ประเทศบราซิล


ทีมที่เข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย แบ่งตามโซนรอบคัดเลือก

โซนอเมริกาใต้ (6 ทีม)


1. บราซิล (เจ้าภาพ)


อดีตแชมป์ 5 สมัย (1958, 1962, 1970, 1994, 2002) เข้ารอบแบบอัตโนมัติในฐานะเจ้าภาพ ลงเล่นรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 20 มากที่สุด ตอนนี้อันดับโลกของฟีฟ่า อยู่ที่ 11 และในฐานะเจ้าภาพ จึงถูกกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าต้องเป็นแชมป์สมัยที่ 6 ทีมแรกเท่านั้น น้อยกว่านี้ถือว่าล้มเหลว

2. อาร์เจนตินา (แชมป์รอบคัดเลือก)


อดีตแชมป์ 2 สมัย (1978, 1986) และทีมอันดับ 3 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม ลงแข่ง 16 นัด ชนะ 9 เสมอ 5 แพ้ 2 ทำได้ 35 เสีย 15 ประตู มี 32 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 16 และตั้งเป้าคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ให้ได้

3. โคลอมเบีย (อันดับ 2 รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 4 โลก เข้ารอบมาในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ลงแข่ง 16 นัด ชนะ 9 เสมอ 3 แพ้ 4 ทำได้ 27 เสีย 13 ประตู มี 30 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 5 เคยทำผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 1990 แต่ครั้งนี้หวังมากกว่านั้นแน่นอน

4. ชิลี (อันดับ 3 รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 12 โลก เข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม ลงแข่ง 16 นัด ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 6 ทำได้ 29 เสีย 25 ประตู มี 28 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 9 เคยทำผลงานดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 1962 ส่วนในครั้งนี้ ถ้าถูกจับอยู่ในกลุ่มไม่แข็งมากนัก มีลุ้นเข้ารอบลึกๆ

5. เอกวาดอร์ (อันดับ 4 รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 22 โลก เข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับ 4 ของกลุ่ม ทำผลงานได้ดีแบบผิดคาด โดยลงแข่ง 16 นัด ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 5 ทำได้ 20 เสีย 16 ประตู มี 25 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 เคยเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2006 ส่วนในครั้งนี้น่าจะตั้งเป้ารอบ 16 ทีมเป็นอย่างต่ำ 

6.อุรุกวัย (เพลย์ออฟ ชนะ จอร์แดน รวมผล 2 นัด 5-0)


ทีมอันดับ 6 โลก และอดีตแชมป์ 2 สมัย (1930, 1950) เข้ารอบมาอย่างจวนเจียน เพราะเป็นทีมอันดับ 6 ของกลุ่ม ต้องเตะเพลย์ออฟ 2 นัดกับทีมจอร์แดน จากโซนเอเชีย โดยในรอบแบ่งกลุ่ม แข่ง 16 นัด ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 5 ทำได้ 25 เสีย 25 ประตู มี 25 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 12 ซึ่งในครั้งนี้ได้เล่นในทวีปอเมริกาใต้ น่าจะมีแฟนบอลของตัวเองเดินทางมาให้กำลังใจล้นหลาม และด้วยศักยภาพของทีม เป้าหมายคือรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างต่ำ แต่ก็หวังได้แชมป์เหมือนที่เคยทำได้ในปี 1950 ที่บุกมาคว้าแชมป์ในถิ่นแซมบ้า 

โซนยุโรป (13 ทีม)


1. เบลเยียม (แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือก)



ทีมอันดับ 5 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม ซึ่งทำผลงานได้ดีเกินคาด โดยลงแข่ง 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 2 ไม่เคยแพ้ใคร ทำได้ 18 เสีย 4 ประตู มี 26 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 12 เคยทำผลงานดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 4 ในปี 1986 ส่วนในครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ารอบแรกจะเจอใคร ถ้าไม่หนักมากนักอาจมีลุ้นถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

2. อิตาลี (แชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือก)


อดีตแชมป์ 4 สมัย (1934, 1938, 1982, 2006) ทีมอันดับ 9 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มตามคาด เพราะอยู่ในสายไม่แข็งมากนัก ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 6 เสมอ 4 ไม่เคยแพ้ใคร ทำได้ 19 เสีย 9 ประตู มี 22 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 18 ครั้งนี้หวังซิวแชมป์เป็นสมัยที่ 5 เทียบเท่าบราซิลให้ได้ แต่ก็เป็นงานยากพอสมควร 

3. เยอรมนี (แชมป์กลุ่มซี รอบคัดเลือก)


 อดีตแชมป์ 3 สมัย (1954, 1974, 1990) ทีมอันดับ 2 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มตามคาดอีกเหมือนกัน แต่อยู่ในสายไม่แข็งมากนัก ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 9 เสมอ 1 ไม่เคยแพ้ใคร ทำได้ 36 มากที่สุดของโซนยุโรป และเสีย 10 ประตู มี 28 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 18 ครั้งนี้หวังซิวแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ให้ได้ แต่ต้องลุ้นหนักพอสมควรทีเดียว 

4. เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มดี รอบคัดเลือก)


 อดีตรองแชมป์ 3 สมัย (1974, 1978, 2010) ทีมอันดับ 8 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มตามคาดอีกเหมือนกัน เพราะอยู่ในสายอ่อน ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 9 เสมอ 1 ไม่เคยแพ้ใคร ทำได้ 34 เสีย 5 ประตู มี 28 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 10 ซึ่งในครั้งนี้ ทีมรองแชมป์เก่า ตั้งเป้าเข้าชิงเพื่อคว้าแชมป์สมัยแรกให้ได้ แต่ต้องลุ้นหนักพอสมควรทีเดียว 

5. สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มอี รอบคัดเลือก)


 ทีมอันดับ 7 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มแบบไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะในกลุ่มไม่มีทีมแข็งอยู่เลย ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 7 เสมอ 3 ไม่แพ้ใครเช่นกัน ทำได้ 17 เสีย 6 ประตู มี 24 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 10 ซึ่งในครั้งนี้ ขุนพลจากแดนนาฬิกา หวังจะเข้าให้ถึงรอบ 8 ทีม เป็นอย่างต่ำ เพราะเคยทำได้มาแล้วถึง 3 สมัย

6. รัสเซีย (แชมป์กลุ่มเอฟ รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 19 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มแบบหวุดหวิด เพราะต้องขับเคี่ยวกับทีมโปรตุเกส  ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 ทำได้ 20 เสีย 5 ประตู มี 22 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 10 เคยทำผลงานดีที่สุดด้วยการคว้าอันดับ 4 ในปี 1966 ซึ่งในขณะนั้นยังใช้ชื่อว่า สหภาพโซเวียต ส่วนในครั้งนี้ อาจมีลุ้นเข้ารอบลึกๆ ถ้าเล่นได้คงเส้นคงวาตลอด

7. บอสเนีย และ เฮอร์ซาโกวีนา (แชมป์กลุ่มจี รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 16 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะเฉือนทีมกรีซด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าเท่านั้น โดยลงแข่ง 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 ทำได้ 30 เสีย 6 ประตู มี 25 แต้ม ที่สำคัญ บอสเนียฯเป็นทีมเดียวในครั้งนี้ที่เข้ารอบเป็นสมัยแรก ต้องมาดูกันว่านักเตะจะตื่นสนามกันหรืแเปล่ากับรายการระดับโลกแบบนี้ ถ้าไม่ตกรอบแรก ยอมยกนิ้วให้เลย

8. อังกฤษ (แชมป์กลุ่มเอช รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 10 โลก ขวัญใจแฟนบอลเกือบทั่วโลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มแบบต้องรอลุ้นถึงนัดสุดท้าย เพราะต้องขับเคี่ยวกับทีมยูเครน  ลงแข่ง 10 นัด ชนะ 6 เสมอ 4 ทำได้ 31 เสีย 4 ประตู มี 22 แต้ม ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 14 เคยทำผลงานดีที่สุดด้วยการคว้าแชมป์ในปี 1966 ที่รับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งความหวังของทัพสิงโตคำรามคือการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 เท่านั้น

9. สเปน (แชมป์กลุ่มไอ รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 1 โลก เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มแบบต้องรอลุ้นกับทีมฝรั่งเศสถึงนัดสุดท้ายเหมือนกัน ลงแข่ง 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 ทำได้ 14 เสีย 3 ประตู มี 20 แต้ม เป็นทีมเดียวในรอบคัดเลือกที่เสียประตูน้อยที่สุด ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 14 เคยทำผลงานดีที่สุดด้วยการคว้าแชมป์ในปี 2010 จึงทำให้ในครั้งนี้มาป้องกันแชมป์ในฐานะแชมป์เก่า ซึ่งเป้าหมายของฝูงกระทิงดุมีเพียงอย่างเดียวคือ การคว้าแชมป์สมัยที่ 2 กลับบ้านสถานเดียว

10. กรีซ (เพลย์ออฟ รวมผล 2 นัด ชนะโรมาเนีย 4-2)


ทีมอันดับ 15 โลก รองแชมป์กลุ่มจี ต้องเล่นเพลย์ออฟ 2 นัดกับทีมโรมาเนีย นัดแรกชนะ 3-1 และในนัดที่ 2 บุกไปเสมอ 1-1 รวมผล 2 นัด ชนะ 4-2 ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 เคยทำผลงานดีที่สุดคือรอบแรกเท่านั้น ดังนั้นเป้าหมายของทีมในครั้งนี้คือการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างต่ำ

11. โครเอเชีย (เพลย์ออฟ รวมผล 2 นัด ชนะไอซ์แลนด์ 2-0)


 ทีมอันดับ 18 โลก รองแชมป์กลุ่มเอ ต้องเล่นเพลย์ออฟ 2 นัดกับทีมไอซ์แลนด์ นัดแรกบุกไปเสมอ 0-0 และในนัดที่ 2 กลับมาเล่นในบ้าน ชนะ 2-0 รวมผล 2 นัด ชนะ 2-0 ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 เคยทำผลงานดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 1998 และในครั้งนี้หวังเข้ารอบให้ลึกที่สุด อย่างต่ำต้องถึงรอบรองชนะเลิศให้ได้

12. โปรตุเกส (เพลย์ออฟ รวมผล 2 นัด ชนะ สวีเดน 4-2)


 ทีมอันดับ 14 โลก รองแชมป์กลุ่มเอฟ ต้องเล่นเพลย์ออฟ 2 นัดกับทีมสวีเดน นัดแรกเล่นในบ้านชนะ 1-0 และในนัดที่ 2 บุกไปชนะ 3-2 รวมผล 2 นัด ชนะ 4-2 ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 6 เคยทำผลงานดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 1966 ในครั้งนี้หวังถึงรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างต่ำเช่นกัน

13. ฝรั่งเศส (เพลย์ออฟ รวมผล 2 นัด ชนะ ยูเครน 3-2)


ทีมอันดับ 21 โลก รองแชมป์กลุ่มไอ ต้องเล่นเพลย์ออฟ 2 นัดกับทีมยูเครน นัดแรกออกไปแพ้ 0-2 และในนัดที่ 2 กลับมาชนะในบ้าน 3-0 รวมผล 2 นัด ชนะ 3-2 ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 14 เคยทำผลงานดีที่สุดคือคว้าแชมป์ ในปี 1998 ที่เป็นเจ้าภาพ จึงไม่แปลกถ้าทีมจะหวังถึงแชมป์สมัยที่ 2 ในครั้งนี้

โซนเอเชีย (4 ทีม)

1. ญี่ปุ่น (แชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือก)


 ทีมอันดับ 44 โลก เข้ารอบสุดท้ายเป็นทีมแรกของโลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 5 เคยทำผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ได้ 2 สมัย มาในครั้งนี้หวังที่จะทำให้ได้อีกเป็นสมัยที่ 3 และมองไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วย

2. ออสเตรเลีย (รองแชมป์กลุ่มปี รอบคัดเลือก)


 ทีมอันดับ 57 โลก เข้ารอบสุดท้ายเป็นทีมที่ 2 ต่อจากญี่ปุ่น ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 เคยทำผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย เช่นกัน ซึ่งในสมัยนี้ ถ้าทำได้อีกก็ถือว่าสุดยอดแล้วหากมองถึงศักยภาพของทีม

3. อิหร่าน (แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 49 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 โดยใน 3 ครั้งก่อนหน้านี้ ตกรอบแรกตลอด ทำให้ในครั้งนี้พวกเขาตั้งเป้าสร้างประวัติศาสตร์ว่าจะต้องเข้ารอบ  16 ทีมสุดท้าย เป็นสมัยแรกให้ได้

4. เกาหลีใต้ (รองแชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือก)



ทีมอันดับ 56 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 9 เคยทำผลงานได้ถึงอันดับ 4 ในปี 2002 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพร่วม แต่ในครั้งนี้ หากเข้าถึงรอบ  16 ทีมสุดท้ายได้ก็หรูแล้ว

โซนแอฟริกา (5 ทีม)

1. ไนจีเรีย (เพลย์ออฟ ชนะ เอธิโอเปีย รวมผล 2 นัด 4-1)



 ทีมอันดับ 33 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 5 เคยทำผลงานเข้าถึงรอบ  16 ทีมสุดท้าย 2 สมัย โดยในครั้งนี้ ก็ตั้งเป้าจะทำให้ได้แบบนั้นอีกเป็นสมัยที่ 3

2. ไอวอรี โคสต์ (เพลย์ออฟ ชนะ เซเนกัล รวมผล 2 นัด 4-2)


 ทีมอันดับ 17 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 โดยใน 2 ครั้งแรก ตกรอบแรกทั้งหมด ทำให้ในครั้งนี้ ตั้งเป้าเข้าถึงรอบ  16 ทีมสุดท้าให้ได้เป็นครั้งแรก

3. แคเมอรูน (เพลย์ออฟ ชนะ ตูนิเซีย รวมผล 2 นัด 4-1)


ทีมอันดับ 59 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 7 เคยทำผลงานทะลุถึงรอบ  8 ทีมสุดท้าย ในปี 1990 แต่ในครั้งนี้ เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว

4. กานา (เพลย์ออฟ ชนะ อิยิปต์ รวมผล 2 นัด 7-3)


ทีมอันดับ 23 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 เคยสร้างความตื่นตะลึงด้วยการเข้าถึงรอบ  8 ทีมสุดท้ายในปี 2010 ทำให้ในครั้งนี้ พวกเขาก็ตั้งเป้าที่จะทำให้ได้แบบนั้นอีกครั้งหนึ่ง

5. แอลจีเรีย (เพลย์ออฟ รวมผล 2 นัด เสมอ บูร์กินาฟาโซ 3-3 แอลจีเรีย เข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน)


ทีมอันดับ 32 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 โดย 3 สมัยที่ผ่านมา ตกรอบแรกตลอด มาในครั้งนี้ ดูแล้วก็ไม่น่ารอด โอกาสทะลุถึงรอบ  16 ทีมสุดท้าย ดูริบหรี่มาก

โซนคอนคาเคฟ (4 ทีม)

1. สหรัฐอเมริกา (แชมป์รอบคัดเลือก)



 ทีมอันดับ 13 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 10 เคยทำผลงานดีที่สุดคืออันดับ 3 ในปี 1930 มาในครั้งนี้ หากเข้าถึงรอบ  16 ทีมสุดท้ายได้ ก็เจ๋งแล้ว

2. คอสตาริกา (อันดับ 2 รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 31 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 4 เคยทำผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบ  16 ทีมสุดท้าย ในปี 1990 ครั้งนี้จึงหวังที่จะทำให้ได้อีกครั้ง

3. ฮอนดูรัส (อันดับ 3 รอบคัดเลือก)


ทีมอันดับ 34 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 ส่วนใน 2 สมัยที่ผ่านมา ตกรอบแรกทั้งหมด ซึ่งในครั้งนี้ก็ไม่น่ารอดอีกเช่นกัน

4. เม็กซิโก (เพลย์ออฟ ชนะ นิวซีแลนด์ รวมผล 2 นัด 9-3)



ทีมอันดับ 24 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 15 เคยทำผลงานดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2 ครั้ง จึงหวังที่จะทำให้ได้เป็นอย่างต่ำอีกครั้งหนึ่ง

Related

Sporting Tournament 4212067781457656426

Post a Comment Default Comments

emo-but-icon

Follow Us

.

Recent

Hot in week

Popular

Connect Us

Recommend us on Google!
Instagram

Subscribe

Subscribe via RSS Feed If you enjoyed this article just click here, or subscribe to receive more great content just like it.
item