อีริคสันชี้ 10 เทรนด์ร้อนพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 57
https://outdoclub.blogspot.com/2014/01/Ericsson10TrendTECH.html
อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ เผยถึงสิบแนวโน้มสำคัญของพฤติกรรมผู้บริโภคปี 57 กับ แอพพลิเคชั่นที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การใช้ร่างกายเป็นรหัสผ่าน เครื่องวัดเซนเซอร์ตามสถานที่มากขึ้น เช่นเดียวกับการรับสื่อวิดีโอแบบออนดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น และการที่สามารถเล่นแล้วหยุดไปเล่นต่อที่อื่นได้...
อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ เปิดเผยถึงสิบแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุด ในปี 2557 และ อนาคต ในโอกาสที่ปี 2556 จะผ่านพ้นไปโดยเป็นเวลามากกว่า 15 ปี ที่อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ ได้วิจัยสำรวจคุณค่า พฤติกรรม และแนวทางการใช้งาน ที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอซีที โดยงานวิจัยทั่วโลกของเรา อาศัยการสัมภาษณ์ผู้คนในแต่ละปี เป็นจำนวนมากกว่า 100,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ และ 15 เมืองใหญ่
นายไมเคิล บียอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ กล่าวว่า แนวโน้มที่สำคัญที่สุดที่เราสังเกตเห็น คือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแอ็พและบริการที่ครอบคลุมในหลาย อุตสาหกรรมและหลายภาคส่วนของสังคม ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวันของเราได้”
อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ เปิดเผยถึงสิบแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่โดดเด่นที่สุด ในปี 2557 และ อนาคต ในโอกาสที่ปี 2556 จะผ่านพ้นไปโดยเป็นเวลามากกว่า 15 ปี ที่อีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ ได้วิจัยสำรวจคุณค่า พฤติกรรม และแนวทางการใช้งาน ที่ผู้บริโภคมีต่อผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอซีที โดยงานวิจัยทั่วโลกของเรา อาศัยการสัมภาษณ์ผู้คนในแต่ละปี เป็นจำนวนมากกว่า 100,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ และ 15 เมืองใหญ่
นายไมเคิล บียอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของอีริคสันคอนซูเมอร์แล็บ กล่าวว่า แนวโน้มที่สำคัญที่สุดที่เราสังเกตเห็น คือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในแอ็พและบริการที่ครอบคลุมในหลาย อุตสาหกรรมและหลายภาคส่วนของสังคม ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตประจำวันของเราได้”
1. แอพกำลังเปลี่ยนสังคมของเรา การเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของสมาร์ทโฟนทั่วโลก ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีที่เราสื่อสารและใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิง ในปัจจุบัน เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่มีการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อประโยชน์ที่หลากหลายมาก ยิ่งขึ้น และมีคนจำนวนมากที่กำลังแสวงหาแอพพลิเคชั่น เพื่อใช้ในหลายภาคส่วนหรือรูปแบบต่างๆ ของการใช้ชีวิตในสังคม ตั้งแต่การจับจ่ายซื้อของและสถานรับเลี้ยงเด็ก ไปจนถึงการสื่อสารกับหน่วยงานต่างๆ และการคมนาคม แอพฯ กลายเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าชนิดของมือถือที่คุณใช้เสียอีก
2. ร่างกายของเราได้กลายเป็นรหัสผ่าน (password) รูปแบบใหม่ เว็บไซต์ต่างๆ เริ่มขอรหัสผ่าน (password) ที่ยาวขึ้น ประกอบไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์อื่น จนทำให้เราแทบจะจำไม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความสนใจในการใช้เทคโนโลยีด้านชีวภาพเข้ามาทดแทน เช่น จากงานวิจัยของเรา พบว่า 52% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ต้องการใช้ลายนิ้วมือมากกว่ารหัสผ่าน และ 48% มีความสนใจที่จะใช้การสแกนดวงตา เพื่อปลดล็อกหน้าจอ โดยรวมแล้วกว่า 74% มีความเชื่อว่า สมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีด้านชีวภาพจะกลายเป็นกระแสหลักในปี 2557 และอนาคต
3. การวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ จำนวนก้าว เป็นเพียงตัวอย่างการเริ่มต้นของสิ่งที่พวกเราต้องการวัดค่าจากตัวเราเองเท่านั้น โดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ และอิงจากข้อมูลที่เราสร้างขึ้นเอง คุณเพียงแค่เริ่มใช้แอพฯ เพื่อบันทึกกิจกรรมที่ทำ อันจะช่วยให้เข้าใจตนเองดีขึ้น และจะมีการพัฒนาแอพฯ ใหม่ๆ ที่สามารถวัดค่าในกิจกรรมต่างๆ อีกมาก โดยประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ใช้โทรศัพท์ในการบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเคลื่อนไหวของพวกเขา และ กว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ต้องการวัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของพวกเขาโดยการใช้แหวนที่สวมใส่อีกด้วย
4. ความคาดหวังว่าจะมีอินเทอร์เน็ตในทุกที่ (internet everywhere) ประสบการณ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ยังไม่สามารถเทียบเท่าบริการโทรในรูปแบบวอยซ์ (voice service) และที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนต่างตระหนักแล้วว่า จำนวนแท่งวัดความแรงของสัญญาณบนหน้าจอโทรศัพท์ นั้นไม่อาจเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะได้รับบริการดาต้า หรือ อินเทอร์เน็ตที่ดีได้ เนื่องจากแท่งวัดในลักษณะดังกล่าว อาจดีเพียงพอสำหรับบริการวอยซ์ แต่อาจไม่ดีพอสำหรับบริการอินเทอร์เน็ต จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อประสบการณ์ในการใช้อินเทอร์เน็ตบนรถไฟใต้ดินต่ำที่สุด
5. สมาร์ทโฟนช่วยลดความแตกต่างทางดิจิตอล การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในระดับโลก ถือว่ายังไม่เพียงพอและทั่วถึง ทำให้เกิดความแตกต่างในการเข้าถึงบริการดิจิตอล หรือที่เรียกว่า “the digital divide” การมีสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาในตลาด ย่อมหมายถึงการที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพงในการ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป ผู้ใช้โดยรวม 51% ทั่วโลก รู้สึกว่า โทรศัพท์มือถือคือการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด และสำหรับคนจำนวนมาก มันได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
2. ร่างกายของเราได้กลายเป็นรหัสผ่าน (password) รูปแบบใหม่ เว็บไซต์ต่างๆ เริ่มขอรหัสผ่าน (password) ที่ยาวขึ้น ประกอบไปด้วยตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์อื่น จนทำให้เราแทบจะจำไม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความสนใจในการใช้เทคโนโลยีด้านชีวภาพเข้ามาทดแทน เช่น จากงานวิจัยของเรา พบว่า 52% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ต้องการใช้ลายนิ้วมือมากกว่ารหัสผ่าน และ 48% มีความสนใจที่จะใช้การสแกนดวงตา เพื่อปลดล็อกหน้าจอ โดยรวมแล้วกว่า 74% มีความเชื่อว่า สมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีด้านชีวภาพจะกลายเป็นกระแสหลักในปี 2557 และอนาคต
3. การวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ จำนวนก้าว เป็นเพียงตัวอย่างการเริ่มต้นของสิ่งที่พวกเราต้องการวัดค่าจากตัวเราเองเท่านั้น โดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเครื่องมือ และอิงจากข้อมูลที่เราสร้างขึ้นเอง คุณเพียงแค่เริ่มใช้แอพฯ เพื่อบันทึกกิจกรรมที่ทำ อันจะช่วยให้เข้าใจตนเองดีขึ้น และจะมีการพัฒนาแอพฯ ใหม่ๆ ที่สามารถวัดค่าในกิจกรรมต่างๆ อีกมาก โดยประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน ใช้โทรศัพท์ในการบันทึกข้อมูลกิจกรรมการเคลื่อนไหวของพวกเขา และ กว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ต้องการวัดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจของพวกเขาโดยการใช้แหวนที่สวมใส่อีกด้วย
4. ความคาดหวังว่าจะมีอินเทอร์เน็ตในทุกที่ (internet everywhere) ประสบการณ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ยังไม่สามารถเทียบเท่าบริการโทรในรูปแบบวอยซ์ (voice service) และที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนต่างตระหนักแล้วว่า จำนวนแท่งวัดความแรงของสัญญาณบนหน้าจอโทรศัพท์ นั้นไม่อาจเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะได้รับบริการดาต้า หรือ อินเทอร์เน็ตที่ดีได้ เนื่องจากแท่งวัดในลักษณะดังกล่าว อาจดีเพียงพอสำหรับบริการวอยซ์ แต่อาจไม่ดีพอสำหรับบริการอินเทอร์เน็ต จากการสำรวจของเราพบว่า ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อประสบการณ์ในการใช้อินเทอร์เน็ตบนรถไฟใต้ดินต่ำที่สุด
5. สมาร์ทโฟนช่วยลดความแตกต่างทางดิจิตอล การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในระดับโลก ถือว่ายังไม่เพียงพอและทั่วถึง ทำให้เกิดความแตกต่างในการเข้าถึงบริการดิจิตอล หรือที่เรียกว่า “the digital divide” การมีสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาในตลาด ย่อมหมายถึงการที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีราคาแพงในการ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป ผู้ใช้โดยรวม 51% ทั่วโลก รู้สึกว่า โทรศัพท์มือถือคือการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด และสำหรับคนจำนวนมาก มันได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต
6. ประโยชน์ของบริการออนไลน์นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงในการใช้งาน จากการที่อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก็กำลังแสดงผลให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดย 56% ของผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตทุกวัน มีความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว (privacy issues) อย่างไรก็ตาม มีเพียง 4% เท่านั้น ที่กล่าวว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง ผู้บริโภคมักเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ เช่น เพิ่มความระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เป็นต้น
7. วิดีโอออนดีมานด์ ถึงแม้ว่าจะมีสื่อวิดีโอให้เลือกมากขึ้น แต่เรามีแนวโน้มที่จะเลือกด้วยตัวเองน้อยลง โดยในความเป็นจริงแล้วนั้น เพื่อนของเรานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อการเลือกรับชมสื่อวิดีโอต่างๆ ของเรา โดยที่เราพบว่า 38% ของผู้ให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า พวกเขาชมวิดีโอคลิปที่เพื่อนแนะนำอย่างน้อยหลายครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากนั้น เพื่อนของเรายังมีผลต่อการเลือกอ่านบล็อกและการเลือกฟังเพลงอีกด้วย
8. ต้องการความชัดเจนในการใช้ดาต้า ผู้บริโภคโดยรวมกว่า 48% เลือกใช้แอพฯ เพื่อเข้าใจลักษณะการใช้ดาต้าของตนให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ 41% ต้องการเพียงจะทราบว่าพวกเขาใช้ดาต้าไปเท่าไหร่ โดย 33% ต้องการความมั่นใจว่าพวกเขาได้รับบิลหรือถูกคิดเงินอย่างถูกต้อง และ 31% ไม่ต้องการใช้ดาต้าเกินค่าที่จำกัดไว้โดยผู้ให้บริการเครือข่าย งานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนนิยมใช้แอพฯ เพื่อวัดความเร็วของสัญญาณเชื่อมต่อเป็นประจำอีกด้วย
7. วิดีโอออนดีมานด์ ถึงแม้ว่าจะมีสื่อวิดีโอให้เลือกมากขึ้น แต่เรามีแนวโน้มที่จะเลือกด้วยตัวเองน้อยลง โดยในความเป็นจริงแล้วนั้น เพื่อนของเรานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อการเลือกรับชมสื่อวิดีโอต่างๆ ของเรา โดยที่เราพบว่า 38% ของผู้ให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า พวกเขาชมวิดีโอคลิปที่เพื่อนแนะนำอย่างน้อยหลายครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากนั้น เพื่อนของเรายังมีผลต่อการเลือกอ่านบล็อกและการเลือกฟังเพลงอีกด้วย
8. ต้องการความชัดเจนในการใช้ดาต้า ผู้บริโภคโดยรวมกว่า 48% เลือกใช้แอพฯ เพื่อเข้าใจลักษณะการใช้ดาต้าของตนให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ 41% ต้องการเพียงจะทราบว่าพวกเขาใช้ดาต้าไปเท่าไหร่ โดย 33% ต้องการความมั่นใจว่าพวกเขาได้รับบิลหรือถูกคิดเงินอย่างถูกต้อง และ 31% ไม่ต้องการใช้ดาต้าเกินค่าที่จำกัดไว้โดยผู้ให้บริการเครือข่าย งานวิจัยนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ผู้ใช้สมาร์ทโฟนนิยมใช้แอพฯ เพื่อวัดความเร็วของสัญญาณเชื่อมต่อเป็นประจำอีกด้วย
9. เครื่องวัดเซ็นเซอร์ในสถานที่ต่างๆ จากการที่บริการอินเทอร์เน็ตแบบอินเตอร์แอ๊คทีฟ (interactive internet) ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้บริโภคเริ่มคาดหวังเพิ่มขึ้นว่า สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ต่างๆของพวกเขาก็ควรจะได้รับการตรวจสอบด้ว โดยเกือบ 60% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนเชื่อว่า ภายในปี 2559 เซ็นเซอร์จะถูกนำมาใช้ในเกือบทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่บริการด้านสาธารณสุขและการคมนาคมขนส่งสาธารณะ ไปสู่รถยนต์ บ้าน และสถานที่ทำงานของพวกเรา
10. ความสามารถในการ เล่น หยุด และเล่นต่อ ในที่อื่นๆ ได้ จากการสำรวจพบว่า 19% ของการใช้บริการสตรีมมิ่ง เกิดขึ้นบนมือถือหรือแท็บเล็ต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โดยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสถานที่รับชมโทรทัศน์ไปมา ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตน เช่น พวกเขาอาจเริ่มต้นรับชมสื่อที่บ้าน หยุดไว้ แล้วดูต่อในขณะที่กำลังเดินทางไปทำงาน เมื่อมีการเปลี่ยนสถานที่ในลักษณะนี้ จึงมักมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้รับชมด้วย.
10. ความสามารถในการ เล่น หยุด และเล่นต่อ ในที่อื่นๆ ได้ จากการสำรวจพบว่า 19% ของการใช้บริการสตรีมมิ่ง เกิดขึ้นบนมือถือหรือแท็บเล็ต ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โดยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสถานที่รับชมโทรทัศน์ไปมา ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตน เช่น พวกเขาอาจเริ่มต้นรับชมสื่อที่บ้าน หยุดไว้ แล้วดูต่อในขณะที่กำลังเดินทางไปทำงาน เมื่อมีการเปลี่ยนสถานที่ในลักษณะนี้ จึงมักมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้รับชมด้วย.