Samsung Unpacked 2013 Episode 2 Hightlight
สรุป Hightlight งานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 3 งาน Samsung Unpacked 2013 Episode 2 (Ep. แรกเป็น Galaxy S4) .. . Samsung เปิดตัว...
https://outdoclub.blogspot.com/2013/09/samsung-unpacked-2013-episode-2.html
สรุป Hightlight งานเปิดตัว Samsung Galaxy Note 3 งาน Samsung Unpacked 2013 Episode 2 (Ep. แรกเป็น Galaxy S4) .. . Samsung เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ The Next Galaxy ในงาน Samsung Unpacked 2013 Episode 2 ที่จัดที่ Tempodrom กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีครับ เป็นที่คาดกันว่า Samsung จะเปิดตัว Galaxy Note 3 และ Galaxy Gear ก็ถือว่างานนี้มาคุ้มกันเลยทีเดียว แต่ไปๆ มาๆ ที่ไหนได้ Samsung เขาเปิดตัว Galaxy Note 10.1 2014 Edition ด้วย เลยกลายเป็นว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นกสามตัวเลยทีเดียว..
Samsung Galaxy Note 3
มาคุยกันเรื่องของสเปกของ The Next Galaxy ทั้ง 3 กันเลยดีกว่าครับ เริ่มจาก Samsung Galaxy Note 3 กันก่อนเลย ซึ่งมีการปรับสเปกขึ้นไปมากพอสมควร ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะ Samsung Galaxy S4 เขาไปรอแล้วไง … แต่เช่นเคยครับ Samsung Galaxy Note 3 ก็สเปกแรงกว่า Samsung Galaxy S4 เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ดูได้จาก CPU ที่แรงกว่า RAM มากกว่า และ Internal storage ก็เริ่มต้นขนาดใหญ่กว่าแล้ว
สเปค Samsung Galaxy Note 3 (Note III)
- หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED display ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (Full HD)
- หน่วยประมวลผล มีทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.9 GHz สำหรับรุ่น 3G หรือ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz สำหรับรุ่น 4G LTE
- RAM 3 GB
- หน่วยความจำภายใน ขนาด 32 GB หรือ 64 GB รองรับ microSD card สูงสุด 64 GB
- รัน Android 4.3 Jelly Bean
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รองรับ BSI sensor, ระบบกันสั่น Smart Stabilizer และบันทึกวิดีโอความละเอียดแบบ Full HD @30fps
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และ BSI sensor, รองรับระบบ Auto Focus และระบบกันสั่น Smart Stabilizer ในตัว, Zero Shutter Lag
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (HT80)
- รองรับ GPS + GLONASS, NFC และ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 (LE)
- ขนาด 151.2 x 79.2 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก 168 กรัม (สำหรับเครื่องสีดำ) หรือ น้ำหนัก 169 กรัม (สำหรับเครื่องสีขาว)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,200 mAh
- หน่วยประมวลผล มีทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.9 GHz สำหรับรุ่น 3G หรือ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz สำหรับรุ่น 4G LTE
- RAM 3 GB
- หน่วยความจำภายใน ขนาด 32 GB หรือ 64 GB รองรับ microSD card สูงสุด 64 GB
- รัน Android 4.3 Jelly Bean
- กล้องด้านหน้า ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รองรับ BSI sensor, ระบบกันสั่น Smart Stabilizer และบันทึกวิดีโอความละเอียดแบบ Full HD @30fps
- กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และ BSI sensor, รองรับระบบ Auto Focus และระบบกันสั่น Smart Stabilizer ในตัว, Zero Shutter Lag
- รองรับ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (HT80)
- รองรับ GPS + GLONASS, NFC และ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 (LE)
- ขนาด 151.2 x 79.2 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก 168 กรัม (สำหรับเครื่องสีดำ) หรือ น้ำหนัก 169 กรัม (สำหรับเครื่องสีขาว)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,200 mAh
จะเห็นว่า CPU มี 2 แบบ เพราะ Samsung Galaxy Note 3 มีวางจำหน่าย 2 รุ่นหลักๆ คือ รุ่นที่รองรับ LTE อันนี้จะใช้ Quad-core CPU 2.3GHz แต่หากเป็นรุ่น 3G เท่านั้น จะใช้ Octa-core CPU 1.9GHz ซึ่งก็น่าจะเป็นสถาปัตยกรรม big.LITTLE แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S4
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note 3
- พวกซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Air Command ที่จะเป็นการเรียกฟีเจอร์ 5 อย่างหลักออกมา อันได้แก่
Action Memo ที่ให้ผู้ใช้งานจดโน้ตด้วยลายมือ แต่สามารถใช้สั่งฟังก์ชั่นบางอย่างให้ทำงานได้เลย เช่น การค้นหาข้อมูลบนเว็บ, การโทรศัพท์, การเพิ่มรายชื่อติดต่อ เป็นต้น
Scrapbook เป็น App ที่ทำหน้าที่ตามชื่อครับ ผู้ใช้งานสามารถใช้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลที่ผู้ใช้งานสนใจจากแหล่งต่างๆ รวมถึงพวกเว็บไซต์ โดยสามารถเก็บเป็นรูปเล่ม จัดหมวดหมู่ได้ จะได้กลับมาหาข้อมูลได้สะดวกๆ
Screen Write เป็นฟีเจอร์ที่จะเก็บภาพหน้าจอแบบเต็มๆ มา แล้วให้ผู้ใช้งานเขียนข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปได้
S Finder ให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้ โดยไม่จำกัดว่าข้อมูลจะเป็นประเภทไหน ด้วย S Finder นี้ ผู้ใช้งานจะสามารถค้นหาเนื้อหาต่างๆ ได้ โดยใช้คีย์เวิร์ดต่างๆ ช่วยค้น ไม่ว่าจะเป็น วันที่ สถานที่ หรือแม้แต่ประเภทของข้อมูล และ S Finder จะไปหามาให้หมด ไม่ว่าจะมาจากเอกสาร, รายการสนทนา SMS หรือแม้แต่บนเว็บไซต์
Pen Window เป็นเหมือนภาคต่อของ Pop-up app ที่จะเปิดโปรแกรมง่ายๆ อย่างพวก เครื่องคิดเลข สมุดจดโน้ต เบราว์เซอร์ หรือ YouTube ขึ้นมาแบบย่อ โดยสามารถกำหนดขนาดของหน้าจอโปรแกรมที่จะเปิดขึ้นมาได้ โดยการใช้ S Pen ตีกรอบไว้
- พวก Exclusive content ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา และ App ที่ Samsung มีเตรียมไว้ให้ลูกค้า … เขาว่าจะเริ่มจากลูกค้าในสหรัฐก่อน แล้วจึงตามมาด้วยประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เหลือ … แน่นอนว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในประเทศไทยเราก็น่าจะมี content เฉพาะด้วยเช่นกัน
- กล้องหลัง 13 ล้าน ดูจะเป็นอะไรที่ยี่ห้อไหนๆ เขาก็ทำ แต่งวดนี้ Samsung Galaxy Note 3 ถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4k หรือ 3840×2160 พิกเซลเลยทีเดียว แต่อย่าลืมใส่ MicroSD card 64GB ล่ะ เพราะผมลองถ่ายดูแล้ว มันกินเนื้อที่ 6MB ต่อวินาที (เนื้อที่ 64GB จะถ่ายได้ราวๆ 177 นาที)
- ฟีเจอร์ Multi Vision ที่ใช้ Samsung Galaxy รุ่นที่รองรับมาเรียงต่อๆ กันหลายๆ เครื่อง เพื่อสร้างจอขนาดใหญ่ ที่ร่วมกันฉายภาพภาพเดียว … แต่ฟีเจอร์นี้ผมก็ยังกังขาอยู่ว่า ในสภาพแวดล้อมจริง มันจะเอาไปใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง
Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition
ที่เห็นได้ชัดๆ เลยคือ มีขนาดบางและเบาขึ้นเยอะครับ และลำโพงสเตริโอที่เคยอยู่ด้านหน้า ตอนนี้ก็ย้ายไปอยู่ด้านข้างแทนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้คุณภาพของเสียงดีขึ้น หรือ ดรอปลงไปแค่ไหน … และอีกจุดหนึ่งที่สำคัญ คล้ายๆ กับ Samsung Galaxy Note 3 ก็คือ ด้านหลัง ที่มีลักษณะเป็นหนังเทียมเช่นกัน
ด้านสเปกนั้น ก็มีการปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่าง ไปตามแนวทางของ Samsung Galaxy Note ครับ ไม่ว่าจะเป็น CPU, RAM และการแยก 2 รุ่นรองรับ LTE และ 3G อะไรแบบนี้ แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ การออกแบบให้มีหน้าจอแสดงผลแบบความละเอียดสูงลิ่ว 2560×1600 พิกเซลนี่แหละครับ … พิจารณาจากสเปกของ CPU/GPU แล้ว ผมเดาว่าเจ้านี่เล่นไฟล์วิดีโอความละเอียด 4k ที่ Samsung Galaxy Note 3 ถ่ายมาได้สบายๆ ล่ะ
แต่ในแง่ของฟีเจอร์นั้น ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจาก Samsung Galaxy Note 3 มากครับ … แต่เน้นไปที่หน้าจอมันใหญ่ เลยทำให้ฟีเจอร์อย่าง Multi Window มาเล่นบน Samsung Galaxy Note 10.1 2014 Edition มันทำได้ดีกว่า Galaxy Note 3
Samsung Galaxy Gear
แล้ว Samsung Galaxy Gear ล่ะเป็นยังไง? ปรากฏว่าผิดคาด เพราะสเปกต่างจากที่มีข่าวลือหลุดกันออกมา ซึ่งข่าวลือเขาว่ามันเป็น Dual-core CPU แต่ของจริงนั้น สเปกแค่ Single-core 800MHz เท่านั้นเอง … แต่ก่อนจะไปลุยกันเรื่องของสเปก ลองมาดูกันก่อนว่าหน้าตาของมันเป็นยังไง
ดูๆ แล้ว ก็คือ นาฬิกาจอ Super AMOLED ครับ ลักษณะคล้ายๆ Pebble แฮะ แต่งวดนี้ Samsung เขาเลือกบอดี้เป็น Stainless steel ให้ความรู้สึกของความทนทานดีครับ แต่ว่าสายเป็นแบบพลาสติก เท่าที่ดู ผมยังตอบไม่ได้ว่าระบบล็อกของนาฬิกาจะเป็นยังไง เพราะในงานนี่เหมือนเขาจะตัดระบบล็อกออก แต่บอกได้ว่า ถ้าได้จอกระจกโค้งมาใช้ มันน่าจะดูสวยกว่านี้อ่ะ อันนี้ดูเหลี่ยมๆ แข็งๆ ไปหน่อย
ทีนี้มาดูที่สเปกกันบ้าง
เราสามารถใช้เจ้า Samsung Galaxy Gear ในฐานะอุปกรณ์เดี่ยวๆ ได้ แต่ว่ามันจะไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ หากจะใช้จริงๆ มันต้องถูกใช้คู่กับ Samsung Galaxy (รุ่นที่รองรับ) ถึงจะเกิดผล เพราะเมื่อเชื่อต่อผ่าน Bluetooth แล้ว มันจะสามารถรับพวก Notification ต่างๆ มาแจกเตือนบน Samsung Galaxy Gear ได้ และในขณะเดียวกัน ก็สามารถใช้ Samsung Galaxy Gear ในการควบคุม Samsung Galaxy ที่เชื่อมต่ออยู่ได้ เช่น การควบคุมการเล่นไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น
หากเราเชื่อมต่อ Samsung Galaxy Gear เข้ากับ Samsung Galaxy ไว้ เวลาที่เราอ่านอีเมล์ หรือ อ่านข้อความอะไรอยู่ แล้วเราหยิบ Samsung Galaxy มาเปิดดู มันก็จะแสดงเนื้อหาที่เราอ่านบน Gear อยู่ มาโผล่บนจอของสมาร์ทโฟนได้ … นอกจากนี้ หากคุณต้องการเพิ่มความสามารถให้กับ Samsung Galaxy Gear ก็ไปดาวน์โหลด App มาติดตั้งเพิ่มจาก Samsung Galaxy Gear App ได้
อีกฟังก์ชั่นนึงที่น่าจะลอง ก็คือ การใช้ Samsung Galaxy Gear ในการโทรศัพท์ เพราะตอนในงาน Unpacked 2013 Episode 2 เนี่ย เขาแสดงให้ดูว่า แค่เอามือที่ใส่ Samsung Galaxy Gear ยกขึ้นมาใกล้ๆ หู ก็สามารถใช้โทรศัพท์ได้เลย … ก็อยากจะรู้ว่า แล้วใช้การใช้งานจริงๆ คุยกันนานๆ มันจะเวิร์กไหม (ขอเดาว่าไม่เวิร์กไว้ก่อน)
แต่ด้วยเซ็นเซอร์ใน Samsung Galaxy Gear เนี่ย มันมีพวก Pedometer ด้วย ดังนั้น มันก็น่าจะเอามาใช้ติดตามการออกกำลังกายของเราได้ด้วย อะไรแบบนี้
Samsung Galaxy Gear มี 6 สีให้เลือกครับ Jet Black สีดำ, Mocha Gray สีเทา, Wild Orange สีส้ม, Oatmeal Beige สีเบจ, Rose Gold สีทอง และ Lime Green สีเขียว
สนนราคาและวันวางจำหน่าย
ในงานเขาไม่ได้บอกครับว่าสนนราคาจะเป็นเท่าไหร่ แต่ขอเดาว่ามันก็น่าจะเท่าๆ กับตอน Samsung Galaxy Note 2 มาเปิดตัว (ตอนนั้น 22,900 บาท) และ ตอนที่ Samsung Galaxy Note 10.1 เปิดตัว (ตอนนั้น 21,900 บาท) นั่นแหละครับ ส่วน Samsung Galaxy Gear นี่เดาลำบาก แต่ด้วยความที่มันออกแนวเป็นอุปกรณ์เสริม เหมาะกับการใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy ที่เป็นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตซะมากกว่าจะใช้งานโดดๆ เลยต้องขอเดาว่าคงจะไม่แพงมาก และด้วยสเปกของตัว Samsung Galaxy Gear ที่ออกแนว Android device ราคาประหยัดแล้ว อาจจะอยู่แถวๆ ไม่กี่พันบาทก็ได้นะ ใครจะรู้
แต่ที่แน่ๆ แว่วๆ มาว่า Samsung Galaxy Note 3 เนี่ย เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยต้นเดือนตุลาคมนี้แหละ แต่ว่าจะมีการวางจำหน่าย หรืออาจจะให้พรีออร์เดอร์ ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ครับ ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ JK Shin บอกในงานว่า วันที่ 25 กันยายน จะวางจำหน่ายใน 149 ประเทศทั่วโลก