นักร้องเด่นกว่าหรือวงต้องหากิน : วงร็อคกับเรื่องช็อคของสมาชิก
https://outdoclub.blogspot.com/2013/12/Singer-or-Band.html
นักร้องเด่นกว่าหรือวงต้องหากิน : วงร็อคกับเรื่องช็อคของสมาชิก
เหมือนเป็นการหย่อนระเบิดใส่อดีตเพื่อนร่วมวงเต็มๆ เมื่อ "แด๊ก บิ๊กแอส" ไปนั่งเปิดใจในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ พร้อมบอกมูลเหตุที่ต้องออกจากวงว่าถูกเพื่อนๆ บีบให้ออก แถมยังมีการสาวไส้ถึงความสัมพันธ์ในวงที่ไม่ราบรื่น จนเกิดกระแสวิจารณ์ทั้งจากคนรักแด๊กและคนรักบิ๊กแอสที่แตกออกเป็นสองฝ่าย ก่อนที่ล่าสุด สมาชิกบิ๊กแอสยุคปัจจุบันจะต้องออกมาพูดเพื่อให้หลายคนเข้าใจถึงความจริงที่เกิดขึ้น
เมื่อลองนึกย้อนไปเรื่องราวทำนองเดียวกันนี้ในอดีต บิ๊กแอสไม่ใช่วงแรกที่จากกันด้วยไม่ดี วงร็อคเมืองไทยหลายวงก็เคยมีปัญหาเป็นข่าวคราวทำนองนี้ เช่นที่เราได้เลือกเรื่องราวของพวกเขาบางส่วนมาฉายภาพเก่าให้ได้นึกถึงกันอีกสักครั้ง
แด๊ก และบิ๊กแอส
แน่นอนว่าขณะนี้พวกเขากำลังตกเป็นประเด็นเรื่องความบาดหมาง หลังจากที่ แด๊ก ไปออกรายการคนดังนั่งเคลียร์ โดยโอดครวญว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกบีบพ้นวง
"นี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งครับ เอาง่ายๆ พูดกันตามภาษาเพื่อนๆ ในเมื่อบอกจะเบรก แล้วทำไมทำแบบนี้ เสียใจครับ เราเคยพูด ถ้าไม่ใช่ 5 คนนี้ก็ไม่ใช่ บิ๊กแอส แต่ทำไมเขายังใช้ชื่อนี้อยู่ ถ้าจะมีนักร้องใหม่ ทำไมไม่ทำเป็นโปรเจคแล้วใช้ชื่ออื่นไป จำได้ว่าเคยคุยกันตั้งแต่เริ่มวง ถ้ามันไม่ใช่สมาชิกเนี่ย จะใช้ชื่อบิ๊กแอสไปทำไม"
ส่วนที่แยกตัวออกมา จะเรียกว่าออกมาเอง หรือถูกบีบออกก็ไม่ต่างกัน ต่างคนต่างรู้แล้วว่ามันไม่ได้ และเมื่อเกิดเรื่องก็ไม่ได้มานั่งจับเข่าคุยตั้งแต่นั้น ไม่จำเป็น ถามว่าจบสวยไหม ไม่สวยครับ มองหน้ากันคุยกันไหม ไม่คุยครับ รู้สึกว่ามันเลยจุดที่จะคุยกันมาแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องคุยแล้วครับในเมื่อเรื่องสำคัญไม่คุย ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรกัน
ส่วนที่แยกตัวออกมา จะเรียกว่าออกมาเอง หรือถูกบีบออกก็ไม่ต่างกัน ต่างคนต่างรู้แล้วว่ามันไม่ได้ และเมื่อเกิดเรื่องก็ไม่ได้มานั่งจับเข่าคุยตั้งแต่นั้น ไม่จำเป็น ถามว่าจบสวยไหม ไม่สวยครับ มองหน้ากันคุยกันไหม ไม่คุยครับ รู้สึกว่ามันเลยจุดที่จะคุยกันมาแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องคุยแล้วครับในเมื่อเรื่องสำคัญไม่คุย ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไรกัน
หลังจากการเปิดอกพูดแบบไม่ไว้หน้า บรรดาแฟนคลับบิ๊กแอสล้วนไม่พอใจ รวมถึงคนที่ติดตามข่าวคราววงการเพลงก็ยังมองว่าสิ่งที่แด๊กพูดดุจะไม่แฟร์กับสมาชิกที่เหลือสักเท่าไหร่ มัการนำคลิปร้องสดของแด๊กที่เห็นได้ชัดว่า คุณภาพของเสียงและการร้องเพลงของเขานั้นเกินเยียวยาหลังจากประสบปัญหาด้านการร้องที่ถูกวิจารณ์ในระยะหลังๆ ยิ่งเป็นน้ำหนักให้ตอกย้ำว่า ด้วยสังขารที่ถดถอยจนส่งผลกับทั้งวง แด็กเองก็ไม่เหมาะที่จะอยู่ต่อในวงบิ๊กแอสเช่นกัน
ล่าสุด สมาชิกที่เหลือของบิ๊กแอสทั้ง อ๊อฟ พูนศักดิ์ จตุระบุล, หมู อภิชาติ พรมรักษา, โอ๊ค พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์, กบ ขจรเดช พรมรักษา และสมาชิกใหม่อย่างนักร้องนำ เจ๋ง เดชา โคนาโล ก็ต้องออกมาเคลียร์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบ้าง
"ผมว่ามันเป็นธรรมชาตินะครับ แฟนกันคบกันมา 3-4 ปี บางคนก็แย่กว่านี้อีก เราอยู่กันมา 10 กว่าปี มันเป็นธรรมชาติมากๆ มันเป็นเรื่องของผู้ชาย 5 คนที่ใช้ชีวิตกันมาตั้งแต่อายุ 14 -15 ปี จนตอนนี้เกือบจะ 40 ปีกันแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ เราอยู่กันมานาน มันไม่ง่ายที่จะเกิดการแยกทางขึ้นแล้วอะไรมันจะเรียบง่าย เพียงแต่ว่าชีวิตมันก็ต้องเดินหน้าต่อไปในสิ่งที่เราเลือก
บิ๊กแอสมันเป็นของทั้ง 5 คน แด็กเองก็ใช้ แด็ก บิ๊กแอส ได้ไปตลอดทั้งชีวิต ไม่มีใครไม่มีสิทธิ์ในชื่อนี้ เพราะชื่อนี้มันให้ชีวิตกับพวกเราทั้ง 5 คน จากเด็กตัวเล็กๆ ที่หัดเล่นดนตรีจนมาอายุเท่านี้แล้ว เราภูมิใจในชื่อนี้และเชื่อว่าแด็กเองก็ภูมิใจในชื่อนี้เหมือนกัน
ผมว่า ณ วันนี้ความเป็นจริง แด็กเองเขาก็บอกว่าเขามีความสุข เราก็กำลังทำงานอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ ผมเองบอกตรงๆ ว่าประหลาดใจนะ เราควรจะข้ามเรื่องนี้ไปดีกว่า และทำหน้าที่ของตัวเอง ความจริงมันอยู่กับพวกเรา 5 คนครับ
ถามว่าจะเคลียร์กันไหม ผมว่ามันเป็นเรื่องของเวลานะ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ณ ตอนนี้ถ้ายังไม่สบายใจ ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เราก็ทำงานในสิ่งที่เราทำอยู่ เพราะวันนึงผมเชื่อว่าถ้าเรามีการเข้าใจ หรือมีการคุยกันมากกว่านี้ ยังไงแด็กก็เป็นเพื่อนผมตลอดไปครับ ความรู้สึกนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง"
ปัจจุบัน แด็ก แยกออกไปทำโปรเจคท์ ร็อค ไรเดอร์ ร่วมกับอดีตสมาชิกวงซิลลีฟูลส์และผองเพื่อนกลุ่มหนึ่ง และออกข่าวเรื่องครอบครัวที่น่ารัก ลบภาพจอมเสเพล ขณะที่บิ๊กแอสเองก็ยังคงเดินหน้ากับผลงานปัจจุบันพร้อมนักร้องนำคนใหม่ ต่างจิตต่างใจคนฟังที่จะตัดสิน แต่แน่นอนว่าเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์คำพูดของคนเสมอ
โต และ ซิลลี ฟูลส์
เป็นข่าวใหญ่โตเมื่อปี 2549 เมื่อ โต ณัฐพล พุทธภาวนา (ชื่อในขณะนั้น) ตกเป็นว่าถูกสมาชิกในวงโหวตให้ออก แน่นอนว่าเป็นเรื่องช็อก เพราะโตถือเป็นกระบอกเสียงของวงมาทุกยุคสมัยจนกระทั่งประสบความสำเร็จสูงสุดในชุดกับค่ายแกรมมี่ มีข่าวลือว่าสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวเนื่องจากที่ผ่านมาการทำงานของโตในฐานะนักร้องนำ ทั้งการไปเล่นคอนเสิร์ตตามผับ เธค รวมถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าหลายชิ้นที่ค่อนข้างจะผิดหลักศานาและอุดมการณ์ของเจ้าตัว จนรู้สึกเบื่อหน่าย
"ไม่ได้ทะเลาะกัน เรื่องคือเวลาจะทำอะไรต้องมีการโหวต สำหรับเรื่องนี้มีการขึ้นกระดานข้อดีข้อเสีย พอโหวตเรื่องนี้เขาก็มาคุยกัน 3 คน แล้วมาหาผมที่บ้าน แล้วมาบอกเราว่าเรารับไม่ได้สำหรับการคิดแบบนี้ สำหรับผมเสียใจแต่ก็ต้องยอมรับเสียงประชาธิปไตย ก็ต้องเดินออกไป
ผมรับไม่ได้ตามหลักศาสนาผมก็โอเค โตแล้วแก่แล้วจะทะเลาะกันไปทำไม ก็มีการคุยกันแล้วว่าผมจะคุยคนเดียวดีกว่า ผมต้องการพูดเพราะว่าที่ผ่านมาทำให้คิดว่าผมแยกวง จริงๆ แล้วผมมีอุดมการณ์ในการทำงาน ถ้าฟังเพลงผม 7 ชุดจะว่าผมไม่เคยทิ้งใคร ผมรักแล้วก็แคร์วงมาก แต่ไม่ใช่จะมานั่งเขียนเพลงทำเพลงให้ฟรี ในเมื่อเขาโหวตผมก็ต้องออก"
ฟังดูเหมือนนักร้องนำกำลังถูกรุมรังแก แต่ไม่นานหลังจากนั้น ซิลลี ฟูลส์ โยกจาก มอร์ มิวสิค ไปอยู่กับค่าย สนามหลวง พร้อมนักร้องนำคนใหม่ เบน เบนจามิน จุง ทัฟเนล ออกอีพีชุด Mini ก่อนจะโยกไปอยู่กับอาร์เอสแบบเซอร์ไพรส์พร้อมเสียงตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง แต่คนฟังที่ยังยึดติดกับโตล้วนแต่ไม่พอใจ บางคนถึงขนาดตัดขาดกับซิลลี ฟูลส์ ทว่าในเวลาไล่เลี่ยกัน โต ก็ฟอร์มวงใหม่ในชื่อ แฮงแมน แต่สภาวะลุ่มๆ ดอนๆ หลังยุคซิลลี ฟูลส์ บวกกับความพยายามที่จะตามหาความศรัทธาของตัวเอง โต จึงเบนไปสู่เส้นทางศาสนา เปลี่ยนชื่อเป็น ฟิรเดาซ์ ศรัทธายิ่ง ปัจจุบันผันตัวไปผลิตรายการส่งเสริมศาสนาแก่ชาวมุสลิม ขณะที่ ซิลลี ฟูลส์ ก็มีสมาชิกอีกรายที่ถอนตัวตามมาคือ ต่อตระกูล ใบเงิน มือกลองซึ่งปัจจุบันโยกไปร่วมงานกับเสก โลโซ
บี พีระพัฒน์ และ เครสเซนโด
ต่างคนต่างมีประสบการณ์สูงแต่เมื่อมาบรรจบกันก็ใช่ว่าผลลัพธ์จะดีเสมอไป บี พีระพัฒน์ เถรว่อง พิสูจน์แล้วจากการร่วมงานกับวง เครสเซนโด ที่มี นอ นรเทพ มาแสง เป็นมันสมองของวง แม้จะมีเพลงดังๆ ที่ทำร่วมกันอย่าง ความจริงในใจ แต่อยู่ๆ ไป กระแสข่าวที่ออกมาทำให้หน้าตาของวงดูน่ากังขา เมื่อมีการเหน็บแนมถากถางกันในทำนองที่ว่า บี มักจะออกไปรับงานเดี่ยวบ่อยครั้งแต่ยังเอาเพลงของเครสเซนโดไปใช้ เมื่อสมาชิกที่เหลือไม่ได้อะไร ภาวะคลื่นใต้น้ำจึงก่อตัว
"เรื่องมีปัญหากันมันมีอยู่แล้วไม่ว่าจะดีหรือชั่ว พอเกิดเรื่องนักร้องก็โดนก่อนอยู่แล้ว เมื่อก่อนผมก็กังวล เซ็ง หลายอย่างทำไมต้องโดนอยู่คนเดียว แต่พอคุยกับพี่ฟอร์ด (สบชัย ไกรยูรเสน) พี่เขาก็บอกให้ทำใจดีๆ เป็นนักร้องก็แบบนี้ จนผมทำใจได้
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้เราต้องแยกกันเดินอยู่ที่แนวเพลง วงเครสเซนโดเป็นวงที่มีพลังเยอะ แต่ผมสู้ไม่ไหว ในเมื่อนักดนตรีอยากจะมัน แต่ผมอยากเบาบ้างในบางครั้ง มันก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราไม่ปรับตัวกัน ผมรักวงนี้มาก ผมเลิกงานร้องเพลงกลางคืน เพื่อมาทำงานกับวงนี้อย่างเดียว ชื่อวงผมก็เคาะมากับนอร์ (นรเทพ มาแสง มือเบส) นะ"
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้เราต้องแยกกันเดินอยู่ที่แนวเพลง วงเครสเซนโดเป็นวงที่มีพลังเยอะ แต่ผมสู้ไม่ไหว ในเมื่อนักดนตรีอยากจะมัน แต่ผมอยากเบาบ้างในบางครั้ง มันก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราไม่ปรับตัวกัน ผมรักวงนี้มาก ผมเลิกงานร้องเพลงกลางคืน เพื่อมาทำงานกับวงนี้อย่างเดียว ชื่อวงผมก็เคาะมากับนอร์ (นรเทพ มาแสง มือเบส) นะ"
บี พีระพัฒน์ ทิ้งทุกข่าวคราวไว้เบื้องหลังก่อนจะผันตัวไปเป็นศิลปินเดี่ยวในสังกัดวอรืนเนอร์ มิวสิค ส่วนเครสเซนโดก็มองหานักร้องใหม่ จนได้ นัท ชาติชาย มานิตยกุล มาร่วมงานใน 2 อัลบั้มกับโซนี่ มิวสิค แต่ล่าสุดจุดอิ่มตัวอาจบังเกิด นัท ขอเดินแยกทางจากเครสเซนโดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำให้ เครสเซนโด ต้องประกาศรับนักร้องใหม่ผ่านการออดิชั่น นัยว่าไม่อยากให้ซ้ำกับอดีตอีกต่อไปแล้ว
เสกสรร ศุขพิมาย และ โลโซ
ไม่มีมอร์ มิวสิค ก็ไม่มี โลโซ นั้นอาจจะจริง เพียงอัลบั้ม Losociety ชุดแรก พลุแตกสำหรับโลโซอาจยังไม่พอ
โลโซในยุคก่อตั้ง มีสมาชิกอีกสองคนคือ อภิรัฐ สุขจิตร์ (รัฐ) เบส และ กิตติศักดิ์ โคตรคำ (ใหญ่) มือกลอง ในยุคของปี 2540 เรื่อยมา ไม่มีอัลบั้มไหนของโลโซที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่หลังจากอัลบั้ม Loso (ปกแดง) หลายคนมองเห็นมิตรภาพที่เปลี่ยนแปลงไป
เสก ตัดสินใจขอแยกออกจากวง โดยบอกว่า มีแรงบันดาลใจใหม่ๆ เขากำลังอยู่ในภาวะหลงใหลดนตรีร็อคฝั่งอังกฤษจนถึงขนาดวางแผนไปใช้ชีวิตและทำเพลงที่นั่น ภาพของเสกตอนนั้นเหมือนราชาที่ทำให้อะไรก็ดูมีค่า แต่ความสัมพันธ์ภายในวงกำลังติดลบ
"ถ้าเรียกว่าทิ้งเพื่อน ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนั้น เพราะเรามีวิถีทางที่เป็นของเรา" เสก เปิดเผยหลังไปเรียนภาษาที่อังกฤษ 7 เดือน หลังจากกลับมาบินเดี่ยวโดยไม่มีเพื่อนสมาชิก 2 คนอีกต่อไป "ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดามากของวงดนตรีทั่วโลกเป็นกันหมด คือถ้าถึงจุดอิ่มตัวคุณต้องพักก่อน เราได้รับในสิ่งที่เราได้รับ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเงินทอง ถึงแม้ว่าเพื่อนทั้งสองไม่มีผม เขาก็คงไม่ลำบาก เพราะเขามีเงินเก็บอยู่ ชื่อเสียงก็มีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวิธีที่เราต้องไปคือ คุณจะต้องเดินทางในสิ่งที่คุณอยากจะไป ผมรู้สึกว่าทุกคนเอาตัวรอดได้ ฉะนั้นการทิ้งเพื่อนไม่น่าจะเกิดขึ้น
ความเป็นอังกฤษมันก็จะแทรกซึมมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าผมออกอัลบั้มสากลผมก็ใช้ชื่อโลโซ ผมเป็นคนตั้งชื่อนี้ ลิขสิทธิ์เป็นของผม ส่วนเรื่องงานเพลงไทย คิดว่าจะทำอีกแน่นอน แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไร"
ความเป็นอังกฤษมันก็จะแทรกซึมมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าผมออกอัลบั้มสากลผมก็ใช้ชื่อโลโซ ผมเป็นคนตั้งชื่อนี้ ลิขสิทธิ์เป็นของผม ส่วนเรื่องงานเพลงไทย คิดว่าจะทำอีกแน่นอน แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไร"
ในความเป็นจริงอัลบั้มเพลงสากลต่างหากที่ไม่มีคำตอบว่าเมื่อไหร่ หลังจากนั้นเสกถูกแกรมมี่ปั้นให้เป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัว แน่นอนว่าประสบความสำเร็จเหมือนเก่าจนขยับขึ้นเป็นลูกรักคนใหม่ของแกรมมี่ ขณะที่เพื่อนสมาชิกอีกสองคนก็วนเวียนอยู่ฝั่งอโศก และฟอร์มวงใหม่ชื่อ นา-กา ต่อจากนั้น
วิถีชาวร็อคของเสกนั้นเข้มข้นเหลือใจ วีรกรมมากมายจากที่เห็นในภาพข่าวพาเขาสู่จุดต่ำสุดในช่วงหนึ่ง ทว่าปัจจุบัน เสก ปั้นโลโซขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มีบารมีพอที่จะดึงมือดีมาปั้นวงใหม่อีกรอบ ปัจจุบัน โลโซมีสมาชิกคือ วรบุตร เตียประเสริฐ (ต้อม) กีต้าร์, ประดิษฐ์ วรสุทธิพิศิษฎ์ (ดิษฐ์) เบส อดีตนักร้องนำและมือเบสวง สไมล์บัฟฟาโล่, ต่อตระกูล ใบเงิน (ต่อ) กลอง อดีตมือกลองวงซิลลี่ ฟูลส์ และ เท็ดดี้ ณัฐฏ์ณัฐ หิรัญสมบูรณ์ (เท็ดดี้) อดีตมือคีย์บอร์ดวงไอเฟล และเป็นผู้จัดการวงโซคูลในปัจจุบัน เรียกว่าทิศทางของเสกเหมือนแมวเก้าชีวิตที่กำลังจะกลับมาสดใสมีพลัง จนแม้กระทั่งค่ายยังต้องอ่อนยอมให้ในหลายๆ เรื่อง หน้าตาของโลโซในวันนี้ดูดีเหมือนไฮโซก็ไม่ผิด แต่แฟนๆ หลายคนก็ยังยึดติดในตัวตนของเสกจนทำให้เขากลับมามีวันนี้ ขณะที่เพื่อนๆ ยุคก่อตั้งที่เคยร่วมกินร่วมอดกันมา กำลังถูกลืมไปตามวันเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นกับโลโซที่คนมักเรียกกันว่า ดังแล้วแยกวง ปรากฏให้เห็นในบ้านเราไม่น้อย แต่ก็ยังใช้ชื่อเดิมเป็นสร้อยห้อยท้าย ไม่ว่าจะเป็น ดา กับวงเอ็นโดนฟิน หรือ เป้ อารักษ์ กับวง เสลอ
ซึ่งท้ายที่สุด เวลาก็คงจะเป็นบทพิสูจน์เส้นทางของแต่ละคนที่เลือกเดินและตัดสินใจ ที่จะบอกแทนคำพูดสวยหรูหรือข้อแก้ตัวใดๆ นั่นเอง