gmgolf2

หมัดต่อหมัด! "Samsung Galaxy S" series ปะทะ "Apple iPhone"

หมัดต่อหมัด! "Samsung Galaxy S" series ปะทะ "Apple iPhone"

เส้นทางสังเวียนเดือดของ 2 สุดยอดสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่แห่งยุค

Apple iPhone 5S , Samsung Galaxy S5

หลังจากที่ Samsung เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงตัวล่าสุด Galaxy S5 ที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มคุณสมบัติการสแกนลายนิ้วมือ, กันน้ำ, ระบบตรวจวัดการเต้นของหัวใจ ฯลฯ ไม่ว่าเสียงตอบรับจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่า Galaxy S5 นั้นถูกส่งออกมาเพื่อลั่นกลองรบ พร้อมดวลกับมือถือรุ่นท็อปยี่ห้ออื่น ๆ โดยเฉพาะคู่แข่งยักษ์ใหญ่จากแดนอเมริกาอย่าง iPhone 5S ของ Apple อย่างไม่ต้องสงสัย

ย้อนดูสุดยอดสังเวียนที่ดุเดือดที่สุดในแวดวงสมาร์ทโฟน นับตั้งแต่การเปิดตัว Galaxy S รุ่นแรก ที่พร้อมตั้งรับท้าดวลกับ iPhone 4 เมื่อปี 2010 มาจนถึงรุ่นล่าสุด Galaxy S5 ปะทะ iPhone 5S เป็นคุณจะเลือกค่ายไหน?


Samsung Galaxy S

เริ่มต้นเปิดศึกแห่งสองขั้วอำนาจวงการสมาร์ทโฟน ด้วยการเปิดตัว Samsung Galaxy S เมื่อช่วงเดือนมีนาคมของปี 2010 และกลายเป็นแม่ทัพรายใหม่แห่งค่ายมือถือระบบ Android ไปในทันที อันเนื่องมาจากเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกอกถูกใจผู้ใช้งานทั้งหลายในเรื่องของสเปคที่จัดเต็ม, หน้าจอสว่างสวยคม, คุณภาพเสียงดี ฯลฯ ถือเป็นการเขย่าวงการ และทำเอามือถือรุ่นคู่แข่ง ณ ตอนนั้นอย่าง HTC Desire, Xperia X10 รวมไปถึง iPhone 3GS ต้องสั่นคลอน

เมื่อตอนเปิดตัว Samsung Galaxy S ครองสถานะสมาร์ทโฟนที่มีระบบกราฟฟิคเร็วสูงสุด แล้วยังบางที่สุดเพียง 9.9 มม. เรียกได้ว่าเทพทั้งในด้านสเปคและดีไซน์ เลยไม่แปลกใจที่จะสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายถึงกว่า 24 ล้านเครื่องทั่วโลก เบิกทางสู่การพัฒนา Galaxy S รุ่นอื่น ๆ เพื่อสืบสานสถานะของมือถือรุ่นท็อปจากฝั่ง Android เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

Steve Jobs แนะนำ Apple iPhone 4 ในงาน WWDC 2010

เมื่อ Galaxy S เป็นฝ่ายเปิดศึกเข้าหาแล้ว Apple ก็ขอส่ง iPhone 4 โฉมใหม่ดีไซน์เรียบหรูออกมารับมือบ้าง ภายหลังจากที่ Samsung เพิ่งวางขาย Galaxy S ไปได้เพียง 3 วัน iPhone 4 ก็กระชากตำแหน่งสมาร์ทโฟนที่มีความบางสุดไปครองแทนด้วยความบางเพียงแค่ 9.3 มม. เท่านั้น แถมยังได้รับการออกแบบใหม่หมดจรด ตัวเครื่องทำจากวัสดุกระจกหน้า-หลัง ล้อมกรอบด้านข้างด้วยวัสดุโลหะเรียบหรู, หน้าจอ Retina Display ให้ความละเอียดคมที่สุดเท่าที่ดวงตาสามารถมองเห็นได้, สเปคฮาร์ดแวร์ภายในได้รับการอัพเกรดใหม่ให้เร็วแรงขึ้น รองรับการทำงานแบบ multi-tasking ได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย แม้จะมีปัญหาในเรื่องของเสารับสัญญาณรอบตัวเครื่องไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า iPhone 4 คือผู้ที่ควรค่าแก่การสืบทอดบัลลังก์จาก iPhone 3GS และสามารถต่อกรกับ Samsung Galaxy S ได้อย่างแท้จริง


Samsung Galaxy S II

เกือบหนึ่งปีต่อมา Samsung ก็พร้อมอัพเกรดขุนพลสมาร์ทโฟน Android สานต่อความสำเร็จของ Galaxy S series ด้วยการเผยโฉม Galaxy S II ในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2011 ที่ยังคงตอกย้ำจุดขายในเรื่องของสเปคความแรง ด้วยพลังซีพียู 1.2 GHz dual-core พร้อมกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD กลายเป็นที่ชื่นชมจากทั่วไปอีกเช่นเคย และสามารถสร้างฐานผู้ใช้ให้กลายมาเป็นสาวกของ Samsung Galaxy S series มากมายทั่วโลก

นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์ Galaxy S II ได้ลดความบางลงเหลือเพียง 8.5 ม.ม. ส่วนหน้าจอก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 4.3 นิ้ว หน่วยความจำได้รับการเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนอีกเป็นเท่าตัว แต่ก็ไม่วายมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างในเรื่องของวัสดุตัวเครื่องที่ Samsung ยังเลือกใช้พลาสติกล้วนเหมือนเดิม

"SIRI" Apple iPhone 4S

ต่อมาก็ถึงคราวของ Apple กันบ้าง ที่ขอเปิดตัว iPhone 4S ในเดือนตุลาคม 2011 แม้จะเป็นเพียงแค่อัพเกรดสเปคภายใน โดยไม่มีการเปลี่ยนโฉมที่โดดเด่นอะไรมากนัก ด้วยการใช้ชิพเซ็ทรุ่นใหม่ Apple A5 พร้อมกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ Full HD ทัดเทียมกับ Galaxy S II นอกจากนี้ iPhone 4S ยังมาพร้อมคุณสมบัติเด่นใหม่สุดล้ำอย่าง Siri ระบบผู้ช่วยส่วนตัวสั่งงานด้วยเสียง แต่น่าเสียดายที่หลาย ๆ ความสามารถของ Siri ยังไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศรวมทั้งไทย อีกทั้งยังไม่รองรับภาษาไทย จึงทำให้ Siri ไม่ค่อยถูกนำมาใช้งานจริงเท่าไหร่นัก แต่ด้วยชื่อชั้นระดับ Apple จึงสามารถการันตียอดขายและความสำเร็จของ iPhone 4S ได้เช่นเคย แม้อาจจะไม่ได้สวยงามเหมือนกับการเปิดตัว iPhone ครั้งก่อน ๆ

Apple iPhone 4S , Samsung Galaxy S III

หลังจากที่ใช้เวลาซุ่มพัฒนามานานกว่า 18 เดือน Samsung ก็กลับมาทวงบัลลังก์เจ้าแห่ง Android ยอดนิยมอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Galaxy S III ในเดือนพฤษภาคมของปี 2012 ครองตำแหน่งอุปกรณ์ไอทีที่ทำยอดขายได้เร็วที่สุดในโลก และได้รับการยกย่องจากนานาสำนักว่าเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนที่เกิดมาเพื่อล้ม iPhone โดยเฉพาะ

Samsung Galaxy S III ได้รับการอัพเกรดจากรุ่นก่อนด้วยการปรับไปใช้หน้าจอขนาดใหญ่/ละเอียดขึ้นที่ 4.8 นิ้ว 720×1280 พิกเซล, ซีพียูแรงเขย่าวงการระดับ 1.4 GHz quad-core ฯลฯ และยังเป็นสมาร์ทโฟน Android รุ่นแรกที่กล้าตั้งราคาเปิดตัวไว้สูงกว่า iPhone 4S ที่เป็นรุ่นท็อปจากฝั่งของ Apple ณ ตอนนั้น

นอกจากการสู้รบกันด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ แล้ว คู่กรณีทั้งสองรายนี้ก็ยังมีเรื่องราวถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันในศาล ซึ่งทาง Apple กล่าวหาว่า Samsung ได้ลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จนเกิดเป็นคดีความมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2012 ลากยาวเรื่อยมาจนกระทั่งในทุกวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ

Apple iPhone 5

ภายหลังชัยชนะในศาลชั้นต้น Apple ก็ขอตอกย้ำความสำเร็จด้วยการเผยโฉม iPhone 5 ใหม่หมดจรดในเดือนกันยายนต่อมา ครั้งนี้ Apple ได้ปรับโฉมรูปร่างสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของตัวเองอย่างยกใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนขนาดตัวเครื่องและหน้าจอให้ยาวขึ้นจากเดิมไปเป็นสัดส่วนแบบจอ wide-screen 16:9 แล้วยังเปลี่ยนช่องเสียบมาตรฐานเดิมแบบ 30-pin ไปเป็นแบบใหม่ที่เรียกว่า Lightning ด้านตัวเครื่อง iPhone 5 เปลี่ยนมาใช้วัสดุหลักทำจากอลูมิเนียม บางลง เบาลง แต่ยิ่งเรียบหรูมากขึ้น ทั้งยังทรงพลังขึ้นด้วยชิปรุ่นใหม่ Apple A6 และกล้องหน้าที่ได้รับอัพเกรดให้รองรับการถ่ายวิดีโอหรือคุยแชทละเอียดระดับ HD

ความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนครั้งใหญ่ ทำให้ iPhone 5 เป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่าสาวกเป็นจำนวนมาก และสามารถทำยอดขายได้ถึง 2 ล้านเครื่องภายหลังจากที่เปิดตัวไปได้เพียง 24 ชม. เท่านั้น

Samsung Galaxy S4 , Apple iPhone 5

ด้าน Samsung ก็ไม่ขอน้อยหน้า ด้วยการเผยโฉม Galaxy S4 ต่อหน้าสายตาคนทั่วโลกในเดือนมีนาคมปี 2013 แม้ดีไซน์ภายนอกอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนเท่าไหร่นัก แต่ภายใน Samsung ก็จัดเต็มมาให้อีกเช่นเคย ทั้งในเรื่องของสเปคเริ่มต้นกันที่หน้าจอขนาดใหญ่ 5 นิ้วแบบ Full HD, ซีพียูรุ่นแรงสุดแบบ octa-core (1.6 GHz quad-core และ 1.2 GHz quad-core) ที่แรงจนคอมโน้ตบุ๊คยังหนาว และยังมีกล้องหลังความละเอียดถึง 13 ล้านพิกเซลมาให้ด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะ Galaxy S4 ยังอัดแน่นมาด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวจากทาง Samsung เองอย่างระบบสั่งการด้วยนิ้วมือแบบไร้การสัมผัส หรือการควบคุมแอพต่าง ๆ ด้วยดวงตาของผู้ใช้เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายกลับแสดงความเห็นไปในทำนองว่า คุณสมบัติที่อัดแน่นมาใน Galaxy S4 ส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้จริง และกลับกินพื้นที่ของหน่วยความจำในตัวเครื่องไปอย่างไม่จำเป็น แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความฮอตของสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปจากแดนกิมจิรุ่นนี้ได้ จนทำให้ Galaxy S4 ทำลายสถิติเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Samsung เลยทีเดียว

Apple iPhone 5S

กลายเป็นมาตรฐานไปแล้วสำหรับการออกสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่จากฝั่งของ Apple ที่จะต้องสลับการเปิดตัวรุ่นใหม่หมดจรด ด้วยรุ่นที่เป็นแค่การอัพเกรดในเรื่องของสเปคเสียมากกว่า แล้วทำการเติม “S” เข้าไปที่ด้านหลังชื่อรุ่น ดังที่เราได้เห็นในการเปิดตัว iPhone 5S เมื่อเดือนกันยายน ปี 2013 โดยความเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็น Touch ID หรือคุณสมบัติการสแกนลายนิ้วมือ ที่เพียงแค่วางนิ้วบนปุ่มโฮมก็สามารถปลดล็อกใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว แล้วที่สำคัญอีกอย่างก็คือ iPhone 5S นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 7 รุ่นใหม่ล่าสุด พลิกโฉมหน้าตาของระบบครั้งใหญ่ครั้งแรก เน้นความเรียบง่ายเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น

>> อ่านเพิ่มเติม : สรุปฟีเจอร์เด่น บน iOS 7

นอกจากนั้นแล้วก็เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรายละเอียดอย่างชิพประมวลผลด้านความเคลื่อนไหวของผู้ใช้ ที่คาดกันว่า Apple เพิ่มเข้ามาให้รองรับกับอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ชนิดใหม่ในอนาคต แต่จุดเปลี่ยนเล็กน้อย ๆ ที่สามารถสร้างความฮือฮาได้มากที่สุด กลับกลายเป็นการเปิดตัว iPhone 5S สีทองใหม่ และทำให้บรรดาค่ายมือถือยี่ห้ออื่น ๆ แทบทุกรายต้องหันมาเปิดตัวอุปกรณ์รุ่นสีทองของตัวเองไปตาม ๆ กัน

Samsung Galaxy S5

มาถึงข่าวล่าสุดกับ Samsung Galaxy S5 ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานมหกรรมมือถือโลกที่ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า ต้องเป็นอีกครั้งที่ Samsung จัดเต็มมาให้ในเรื่องของสเปคด้วยพลังซีพียู 2.5 GHz quad-core หรือ 2.1 GHz octa-core, กล้องหลังขนาด 16 ล้านพิกเซล รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดถึง 4K แล้วก็มีคุณสมบัติใหม่ ๆ อย่างระบบตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ, ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม คล้ายกับของ iPhone 5S และการป้องกันน้ำและฝุ่น มาตรฐาน IP67 (กันน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที)


หลังการเผยโฉม Galaxy S5 ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีบางฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่แปลกใหม่หรือน่าประทับใจเพียงพอ เพราะก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์จากหลาย ๆ ฝ่ายว่า Galaxy S5 จะต้องมาพร้อมกับหน้าจอที่ละเอียดยิ่งกว่า Full HD, ตัวเครื่องแบบใหม่ที่จะหันไปใช้วัสดุหลักจากโลหะ หรือขนาดของแรมจะต้องให้มามากกว่านี้ ฯลฯ แต่ก็มีเสียงโต้แย้งกลับมาด้วยเหมือนกันว่า การเปิดตัว Galaxy S5 ครั้งนี้แสดงถึงแนวทางที่ถูกที่ควรแล้ว เพราะมองว่า Samsung ไม่ควรยัดเยียดเทคโนโลยีที่ไม่จำเป็นหรือไม่สามารถใช้งานได้จริงมาเสียเยอะเกินไปเหมือนกับเมื่อตอนเปิดตัว Galaxy S4



ไม่ว่ากระแสหลังเปิดตัว Galaxy S5 จะเป็นไปในแนวทางไหน สิ่งที่ต้องจับตาก็คือความเคลื่อนไหวจากฟากของ Apple กันบ้างแล้วว่า จะสามารถสร้างความแปลกใหม่ประทับใจให้ผู้ที่เฝ้าติดตามจากทั่วโลกได้หรือไม่

บางทีถ้าเป็น iPhone 6 จอ 4.7 นิ้ว เปิดตัวพร้อม iWatch คงน่าสนใจไม่น้อยเลยเชียวล่ะ...  



Source : msn
 Tags:  Apple Samsung SmartPhone Mobile iPhone  Galaxy  iOS  Android

Related

Technology 7142520855428506604

Post a Comment Default Comments

emo-but-icon

Follow Us

.

Recent

Hot in week

Popular

Connect Us

Recommend us on Google!
Instagram

Subscribe

Subscribe via RSS Feed If you enjoyed this article just click here, or subscribe to receive more great content just like it.
item